ทีมข่าวคิดลึก การลุ้นระทึกของสองคดีสำคัญได้ถูกวางคิวเอาไว้ในวันและเวลาเดียวกัน เมื่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดวันที่ 25 สิงหาคม ชี้ชะตา "คดีโครงการจำนำข้าว" อันมี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยและ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จำเลยในคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี หากผลออกมาในทางที่เป็น"ลบ" แน่นอนว่าชะตากรรมของ ทั้งยิ่งลักษณ์ และบุญทรง อาจส่ง "แรงเหวี่ยง" ไปยัง "พรรคเพื่อไทย" อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก !การต่อสู้ในทางคดีของยิ่งลักษณ์ในฐานะอดีตผู้นำรัฐบาล และบุญทรงอดีตขุนคลัง ในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และเต็มไปด้วยความเข้มข้น ทั้งจากการที่ "ทีมทนายความ"ของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ใช้เทคนิคทางข้อกฎหมายขึ้นมาต่อสู้ ควบคู่ไปกับการตอบโต้ด้วยกลยุทธ์ทางการเมือง กับฝ่ายตรงข้ามอยู่เป็นระยะๆคำถามและประเด็นที่ถูกโยนเข้ากลางวงสนทนาไปจนถึงการนำไปซักถาม "บิ๊กบราเธอร์" อย่าง "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเรื่องของคดีความต่างๆ จะส่งผลกระทบไปยังภารกิจสร้างความปรองดอง ที่ คสช.กำลังขะมักเขม้นดำเนินการให้ออกมาเป็นรูปธรรม ด้วยหรือไม่ แน่นอนว่าคำถามในลักษณะเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะอยู่ในความสงสัย ของนักการเมืองเท่านั้น หากแต่ยังได้ขยายวงไปถึงประชาชนด้วยเช่นกันยิ่งเมื่อ ภาพบรรยากาศที่ประชาชนพากันไปรวมตัวเพื่อให้กำลังใจยิ่งลักษณ์ ถึงหน้าศาลฎีกาฯ กันอย่างคับคั่งและคึกคัก เมื่อวันที่ 21 ก.ค.อันเป็นนัดไต่สวนพยานในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว นัดสุดท้าย จนเจ้าตัวถึงกับซาบซึ้งหลั่งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มใจ ยิ่งทำให้เกิดความหวั่นไหวว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว หากศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษา ออกมาว่ายิ่งลักษณ์ มีความผิดจริง จะเกิดปฏิกิริยาโต้กลับจากบรรดา "กองเชียร์"ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้แผนงานสร้างความปรองดองที่ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ประชาชนคาดหวัง อาจตกอยู่ในมิติที่เต็มไปด้วยคำถาม และความไม่แน่ใจว่าที่สุดแล้ว ฝ่ายที่กำลังรู้สึกเป็นถูกกระทำและที่สำคัญกำลังจะสูญเสีย "ขุน"ไปทีละตัวบนกระดานเช่นนี้ อาจไม่ยอมร่วมวงปรองดองก็เป็นได้ ส่วนจะหันไปปลุกม็อบ ระดมมวลชนให้ออกมาตอบโต้ หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากคาดเดา แต่สิ่งที่แน่นอน คือกระดานปรองดอง แทบไม่เหลือฝั่งตรงข้ามให้ทอดไมตรีอีกแล้ว !