เสรี พงศ์พิศ
www.phongphit.
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายนปีนี้ ที่อเมริกาเป็นวัน Thanksgiving วันขอบคุณ (พระเจ้า) เป็นวันหยุดประจำปีของทุกภาคส่วนที่สำคัญที่สุดวันหนึ่ง ที่สมาชิกครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตามารวมกัน แต่ปีนี้มีปัญหาโควิด ทำให้การฉลองไม่เหมือนเดิม
การระบาดหนักของโควิด-19 ทำให้หลายรัฐประกาศ “ล็อกดาวน์” ห้ามการชุมนุมทั้งในและนอกสถานที่ แม้แต่ในบ้าน สร้างความปั่นป่วนไม่น้อย คนไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะบรรดาที่สนับสนุนนายทรัมป์ก็ออกมาประท้วงอย่างรุนแรงว่ามาตรการล็อคดาวน์ทำลายครอบครัวอเมริกัน และยุให้ขัดขืน
คุณหมอเฟาชี ผู้เชี่ยวชาญ กรรมการคณะที่ประธานาธิบดีแต่งตั้งแต่ไม่ชอบและไม่ปรึกษาหารือมานานแล้วบอกว่า อเมริกาต้องเสียสละ อดทน ไม่จัดการชุมนุมกันแม้แต่ในครอบครัวในวันขอบคุณพระเจ้า เพราะทุกรัฐได้พบแล้วว่า การพบกัน กินดื่มด้วยกัน พูดคุยกันนั่นเองที่เป็นที่ระบาดของโควิดมากที่สุด
คุณหมอเฟาชีบอกว่า ลองคิดถึงการนัดญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมารับประทานอาหารด้วยกันจำนวนมาก และเกิดหนึ่งคนที่มาติดเชื้อโดยไม่มีอาการ ไม่มีใครรู้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ท่านจึงแนะนำว่า ขอให้งดการชุมนุม เอาแค่ในครอบครัวเล็กๆ ไม่กี่คนก็พอ ปีหน้าค่อยฉลองใหญ่กัน
ท่านบอกว่า ยิ่งมีวัคซีน เรายิ่งต้องป้องกันตัวเองวันนี้ เพราะวัคซีนไม่ได้รักษา แต่ช่วยป้องกัน แต่ท่านก็ไม่เห็นด้วยว่าต้องปิดโรงเรียน เพราะจะเป็นปัญหาและภาระให้ครอบครัวมากเกินไป อัตราการติดในเด็กนั้นต่ำมาก แต่ก็ควรมีมาตรการป้องกันที่โรงเรียนให้ดีที่สุด ซึ่งมีหลายวิธี
คนอเมริกันผิดหวังอย่างยิ่งที่จะอดฉลองวันขอบคุณพระเจ้าพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวญาติพี่น้อง ซึ่งฉลองกันทุกวันพฤหัสฯที่สี่ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี งานนี้คงสำคัญไม่น้อยกว่าวันตรุษจีนของคนจีน หรือวันคริสต์มาสของชาวคริสต์ในยุโรปและทั่วโลก
ก่อนวันขอบคุณนี้ ใครอยู่ที่ไหนก็ต้องเดินทางกลับบ้าน หรือไปเยี่ยมพ่อแม่ เป็นวันรวมญาติ วันที่จะรับประทานอาหารตามประเพณี คือ ไก่งวง ไก่ตัวใหญ่ เหมาะสำหรับงานเลี้ยงครอบครัวใหญ่ นอกนั้นก็มีมันฝรั่ง มีถั่วต่างๆ เป็นเมนูที่คุ้นเคยกันในวันสำคัญนี้
สื่ออเมริกันพยายามแนะนำให้ครอบครัวไม่ทำอาหารเอง แต่สั่งจากร้านอาหาร ไม่ว่าไก่งวง หรือขนมเค้ก เพื่อจะได้ช่วยเหลือเศรษฐกิจ เพราะร้านอาหารในหลายรัฐถูกสั่งปิด ธุรกิจย่ำแย่
มีการแนะนำว่า จะฉลองวันขอบคุณพระเจ้าในยามมีโควิดนี้อย่างไรดี ที่นัดรวมญาติและยังไงต้องรับประทานอาหารร่วมกันก็แนะนำให้หาวิธีป้องกันตัวเองให้มากที่สุดโดยการสวมหน้ากาก ถือระยะห่างแม้ในบ้าน แต่ไม่ควรนั่งติดชิดกันเหมือนที่เคย ทางที่ดีไม่ควรนัดเลี้ยงกลุ่มใหญ่ เอาเท่าที่มีในบ้านก็พอ
อีกวิธีหนึ่งคือการฉลองแบบเสมือนจริง ใช้ซูม แล้วต่างคนต่างก็รับประทานที่บ้านตนเอง อันนี้อาจจะดูแปลก แต่บ้านที่มีผู้สูงอายุ คนป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อก็คงเป็นวิธีเดียวที่จะฉลองกับญาติมิตร แต่ก็มีคนเสนอให้เทสต์ก่อนฉลอง ซึ่งคงลำบาก เพราะกว่าจะรู้ผลก็หลายวัน และอาจต้องจ่ายเองแพง
วันขอบคุณพระเจ้าได้รับการประกาศให้เป็นวันหยุดโดยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น เมื่อปี 1863 หรือร้อยปีที่แล้ว แต่ก็เป็นประเพณีมาก่อนหน้านั้นหลายร้อยปี ตั้งแต่ยุคแรกที่ชาวยุโรปอพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกา เริ่มฉลองร่วมกับชาวพื้นเมืองอเมริกัน (ที่ผู้นำรณรงค์ยังเรียกร้องให้เปลี่ยนวันขอบคุณเป็นวันไว้อาลัยที่ผู้อพยพมาใหม่มาครอบครองแย่งเอาผืนดินของพวกเขาไป)
ที่ยุโรปมีประเพณีคล้ายกันนี้ที่เยอรมนี ที่เรียกกันว่า Erntedankfest ขอบคุณพระเจ้าหลังการเก็บเกี่ยวทางการเกษตร แต่ก็เป็นการฉลองกันทางศาสนาเท่านั้น ในวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม ที่ทำกันมานานตั้งแต่ยังเป็นสังคมเกษตร
ในวันอาทิตย์นั้น เวลาไปโบสถ์ หลายแห่งยังมีการนำผลผลิตการเกษตรส่วนหนึ่งไปเป็นสัญลักษณ์ มีข้าวสาลี ผัก ผลไม้ ไปวางไว้หน้าพระแท่นในพิธีทางศาสนา โดยเฉพาะเด็กๆ จะชอบวันนี้มาก
คงคล้ายกับ “บุญคูณลาน” “บุญประทายข้าวเปลือก” ที่เป็นการขอบคุณแม่โพสพ วันนี้มีการฉลองแตกต่างกันไป ทางอีสานทำบุญเพื่อนำข้าวไปกองรวมกัน หลังพิธีก็นำไปถวายวัด
ที่อเมริกาถือว่าวันขอบคุณพระเจ้าเป็นเรื่องใหญ่ จนกลายเป็นเรื่องการเมือง เพราะเป็นวันสำคัญไม่แพ้วันคริสต์มาส บ้านเราก็มีสงกรานต์กับปีใหม่ที่ถือเป็นวันสำคัญที่ครอบครัวมารวมกัน คนอยู่ไกลก็กลับไปหาพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ไปทำบุญที่วัด แต่สงกรานต์ที่ผ่านมารัฐบาลขอให้ “เลื่อน” ไปก่อน จะได้ควบคุมการระบาดของโควิดได้ง่ายขึ้น
คนไทยก็ไม่ได้ต่อต้าน หรือทำให้กลายเป็นปัญหาการเมือง ยังบอกว่า “ไม่เป็นไร” แม้จะลำบากหนักหนาสาหัสลงไปเรื่อยๆ รัฐบาลยัง “ชดเชย” วันหยุดย้อนหลังให้ ซึ่งก็เพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยการให้หยุดยาวหลายวันหลายครั้ง
แต่กระนั้นการเมืองไทยก็มีอีกด้านหนึ่ง ซึ่งน่าจะมาจากความเครียดทางเศรษฐกิจด้วยประการหนึ่ง การชุมนุมประท้วงที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลง เป็นสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรง ครอบครัวแตกเพราะพ่อแม่กับลูกพูดกันไม่รู้เรื่อง ลูกไปร่วมชุมนุมประท้วง พ่อแม่รับไม่ได้ รัฐบาลกับคนรุ่นใหม่พูดกันคนละภาษา
เลิกคิดเรื่องถอยคนละก้าว วันนี้ถอยไปคนละหลายก้าว ไม่ใช่เพื่อลดราวาศอก แต่เพื่อหนีห่างจากกันไปจนพูดกันไม่ได้ยิน ถอยไปพักเพื่อจะได้กลับมาเผชิญหน้ากันต่อไป จนอาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมทางสังคมการเมืองอีกครั้ง
ถ้ามองว่าความข้ดแย้งที่กำลังเกิดเป็นความจำเป็นทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะด้วยแนวคิดแบบพุทธวิธี หรือทฤษฎีประวัติศาสตร์ของเฮเกล ก็ขอให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว ด้วยสติจากทุกฝ่าย เพราะสติจะรับประกันได้ว่า สิ่งที่ตามมาจะไม่เลวร้ายจนเกินไป