ดร.วิชัย พยัคฆโส payackso@gmail.com หลังจากรีรอมานาน รมว.คลังก็ได้ลงนามกู้เงินเพื่อฟื้นเศรษฐกิจจาก เอ.ดี.บี. จำนวน 45,000 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว คงจะนำมาให้ประชาชนได้กู้หรือได้ใช้เงินเพื่อเยียวยาโควิด-19 ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งประเทศไทยยังมีปัญหาเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัวอยู่ในขณะนี้ เรื่องที่น่ายินดีกับประเทศคือการลงทุนใน RCEPT จำนวน 15 ประเทศ เพื่อร่วมมือกันหลายๆประเด็นระหว่างอาเซียน 10 ประเทศ กับยักษ์ใหญ่อีก 5 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ถือเป็นเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งการเจรจายาวนานมาตั้งแต่ปี 2555 ยาวนานถึง 8 ปี แม้จะขาดอินเดียไปบ้างที่เขาไม่พร้อมหลายๆ ด้านก็ตาม แต่เอฟพีเอ กับ 15 ประเทศย่อมมีความหมายมากกว่าที่จะเสี่ยง CPTTP ที่เรายังไม่พร้อมหลายด้าน การลงนามในครั้งนี้ทำให้อาร์เซ็ปประกอบไปด้วยประชากร 2.2 พันล้านคนหรือเกือบ 30% ของประชากรโลก มี GDP รวมกัน 26.2 ล้านล้านเหรียญ ประมาณ 30% ของจีดีพีโลก มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 10.4 ล้านล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 28% ของมูลค่าการค้าโลก นับเป็นความสำเร็จของอาเซียนที่จะได้รับประโยชน์จากการลงนามในครั้งนี้ รวมถึงประเทศไทย ในขณะเดียวกัน สศช.ได้ประกาศผล GDP ของไตรมาส 3 ปีนี้เหลือเพียง 6.4% รวม 9 เดือนแรกของปีนี้ 6.7% คาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.5-4.5% และทั้งปีของปี 63 คาดว่าจะเหลือติดลบเพียง 6% แสดงถึงการปรับตัวของเศรษฐกิจจากนโยบายของรัฐตามโครงการต่างๆส่งผลดีต่อ GDP ได้มาก อีกข่าวที่น่ายินดี ไทยถูกจัดอันดับของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อยู่ในอันดับที่ 41 ดีที่สุดในอาเซียนในเรื่องของการพัฒนาที่ยั่งยืน หมายถึงพื้นฐานในระบบโครงสร้างเศรษฐกิจและการพัฒนาของไทย อยู่ในระดับดีมาก เป็นเรื่องที่น่ายินดีและและแสดงถึงการลงทุนจากต่างชาติน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น แม้ว่าธนาคารชาติเกรงว่าจะมีผู้ตกงานประมาณ 3 ล้านคน โดยเฉพาะในธุรกิจท่องเที่ยวในปีหน้าก็ตาม แต่รัฐบาลเร่งช่วยเหลือเยียวยา SMEs ด้านธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่องและจะเปิดเฟสใหม่ของการท่องเที่ยว โดยอาจจะลดเวลากักตัวเหลือ 10 วัน และอาจจะให้ 22 มณฑลของจีนที่ปลอดภัยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องมีเงื่อนไข คงแบ่งเบาภาระของธุรกิอจด้านนี้ไปได้มากอยู่ จริงอยู่ไทยยังไม่พร้อมที่จะลงนาม CPTTP ก็ตาม อันเนื่องจากความไม่พร้อมเรื่องของการเกษตร การสาธารณสุข และการค้าและเศรษฐกิจในหลายประเด็น โดยรัฐบาลจะต้องลงทุนลงแรงในส่วนที่ขาดไปให้มากที่สุดและโดยเร็ว ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาในรายละเอียดเพื่อหาลู่ทางลงนามในโอกาสต่อไป รัฐบาลเร่งระดมเงินเข้าไปใส่โครงการคนละครึ่งรอบต่อไป ซึ่งอาจจะเพิ่มยอดเงินเข้าไปอีก เพราะประชาชนรากหญ้าพอใจที่เงินสะพัดเข้าสู่มือชาวรากหญ้าที่ค้าขายเป็นหาบเร่แผงลอยอย่างได้ผล คาดว่าเสียงเรียกร้องอาจนำมาซึ่งรัฐบาลจะทุ่มเงินให้อีก อย่างไรก็ตามแม้ว่าร่างการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านมติของรัฐสภาไปแล้ว อาจทำให้บางฝ่ายพอใจและไม่พอใจ แต่เพื่อประเทศชาติคงต้องอดทนเพื่อช่วยกันค้ำจุนประเทศให้อยู่รอดก่อน