ดร.วิชัย พยัคฆโส [email protected] เศรษฐกิจของโลกอาจจะปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากการที่โจ ไบเดน ชนะท่วมท้นในการช่วงชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46 แม้ว่าสงครามการค้าจะผ่อนคลายลง ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่ส่งผลดีกับประเทศไทยในนโยบายที่พลิกฟื้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หุ้นไทยดีดแรงสูงขึ้น 1,300 กว่าจุด เพิ่มขึ้นทุกวันหมายถึงกำลังซื้อและการลงทุนต่างชาติมั่นใจในตลาดหลักทรัพย์ของไทยมากขึ้น นอกเหนือจากนโยบายที่ชัดเจนในช่วงหาเสียงของโจ ไบเดน 1.เรียกเก็บภาษีคนรวยของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น เพื่อนำมาช่วยลดการเหลื่อมล้ำของคนรวยกับคนจน และเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มแรงหนุนในเศรษฐกิจของประเทศ 2.เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำจาก ชม.ละ 7 เหรียญ เป็น 15 เหรียญ ต่อการทำงานในหนึ่งชม. ย่อมส่งผลกระทบกับค่าแรงงานที่สูงลิ่วเท่าตัวของสถานประกอบการ โดยเฉพาะอาจเป็นผลดีกับประเทศไทยที่อาจจะดึงนักลงทุนจากสหรัฐฯเข้ามาที่ EEC มากขึ้น 3.GSP ที่ไทยสูญเสียไปอาจสามารถเจรจามิให้สูญเสียไปมากกว่านี้ ซึ่งไทยจะต้องเพิ่มคุณภาพเข้าสู่การแข่งขันกับหลายประเทศมากขึ้น แม้ว่าจะถูกตัด GSP ก็ตาม แต่ยังสามารถส่งสินค้าไปสหรัฐฯได้โดยไม่มีโควตา 4.นโยบายสงครามการค้าที่ผ่อนคลายลง ทำให้ไทยได้รับผลดีจากสินค้าส่งออกไปจีนมากขึ้น เช่น คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ แผงวงจรไฟฟ้า ยางพารา ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เคมีภัณฑ์ เพื่อให้จีนผลิตส่งไปสหรัฐฯอีกต่อหนึ่ง 5.ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจแบบ Multilateral ซึ่งสหรัฐอาจเข้าร่วมเป็นสมาชิก CPTPP หากไทยตัดสินใจเข้าร่วมด้วย อาจทำให้การส่งออกของไทยไปสหรัฐได้มากขึ้น 6. สินค้าเด่นๆของไทยอาจได้รับผลดีในการส่งไปสหรัฐเพิ่มจากเดิม เช่น สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรที่เคยส่งไปสหรัฐ 11.5% น้อยกว่าการส่งออกไปจีน 20.11% และญี่ปุ่น 11.9% ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมที่ไทยเป็นพระเอกส่งไปสหรัฐ 15.9% มากกว่าจีน 11.3% และญี่ปุ่น 9.4% แต่อย่าลืมว่าเงินบาทจะแข็งค่ากระทบกับมูลค่าการส่งออก แต่เราจะได้สินค้านำเข้าจะมีราคาถูกลง 7.ไบเดน เน้นการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของสหรัฐฯอย่างเร่งด่วนจะใช้งบประมาณทุ่มไปสู้กับโควิด-19 อาจส่งผลให้โควิดของโลกลดลง นอกจากนี้อาจมีผลดีกับประเทศไทยอีกหลายเรื่อง ซึ่งไทยจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจตั้งแต่บัดนี้ โดยเฉพาะการเลือกข้างกับสหรัฐฯ น่าจะมีมากขึ้น ไม่พึ่งพาจีนมากเกินไป โดยเฉพาะการเตรียมเจรจาทวิภาคีกับสหรัฐฯทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การทหาร และการลงทุนด้านต่างๆในประเทศไทย แต่อย่าลืมว่านโยบายของสหรัฐฯคงต้องรักษาเสถียรภาพของสหรัฐแบบ American First เช่นเดียวกับโดนัลด์ทรัมป์ แต่คงไม่ถึงกับออกตัวแรงจนไม่มีใครอยากจะคุยด้วย ไทยต้องการจังหวะในการพูดคุยกับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯให้มากขึ้น แน่นอนที่สุด อเมริกามีความเป็นประชาธิปไตยเต็มร้อย ไทยเราต้องรักษาประชาธิปไตยให้มากขึ้น เช่น การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นในการเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ และอย่าลืมโอนงบประมาณให้แก่การปกครองส่วนท้องถิ่นให้มากขึ้น ซึ่งถึงอย่างไรก็เป็นการพัฒนาประเทศที่ถูกทางอยู่แล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญควรเร่งรัดในการแก้ไขที่สามารถทำได้ โดยยึดโยงหมวด1และหมวด2 เอาไว้ แก้ไขเป็นบางส่วนที่เป็นผลดีแก่ทั้งนักการเมืองและประชาชน น่าจะผ่อนคลายภาวะการเมืองที่เคร่งเครียดลงไปได้บ้าง ประเทศไทยเป็นประเทศเล็กๆ คงไม่ส่งผลมากมายนักเช่นประเทศใหญ่ๆ เช่น จีนหรือในยุโรป แต่ถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่สำคัญในภูมิภาคอินโดจีน ไทยพึงระวังการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศให้มาก