ดร.วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
การชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม “ปลดแอก” ที่มีนักศึกษาเป็นแกนกลาง ได้ผ่านพ้นไปแล้วเมื่อ 19-20 พ.ย.ที่ผ่านมา เริ่มจากคนที่มาชุมนุมในช่วงวันที่ 19 พ.ย.นับหมื่นคน แล้วค่อยๆหดหายไปเรื่อยๆจนเหลือเพียงไม่กี่พันคน จึงต้องยุติบทบาทลงเพราะไม่สามารถดึงผู้คนให้ร่วมได้
ประกอบกับบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระดมพลออกมาดูแลความปลอดภัยได้ปรับเปลี่ยนแผนใหม่ โดยอะลุ่มอล่วย แบบลูกหลานของตนเองจึงไม่เกิดความรุนแรงตามที่คาดคิด สามารถคุ้มกันสถานที่สำคัญของทางราชการได้ทั้งหมด อาจจะถือว่าเป็นความผิดพลาดหรือการวางแผนที่ตัวเองคาดไม่ถึง จึงจบลงไปด้วยการฝังหมุดไว้ที่สนามหลวงกับการถวายฎีกาต่อองคมนตรีผ่านนายตำรวจระดับสูงไว้ และคงถูกแจ้งความดำเนินคดีกันถ้วนหน้า
กลับมาถึงงานหลักๆของรัฐบาลบ้าง งบประมาณผ่านสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาผ่านไปแล้ว รอแต่การประกาศในราชกิจจานุเบกษาอีกอาทิตย์เดียว น่าจะทันกับการใช้จ่ายของรัฐบาลในปี 2564 หากไม่ทันจริงๆยังผ่อนคลายสามารถใช้งบของปี 64 ได้ 25% หรือประมาณ 8 แสนบาทได้อยู่ดี
ปี 64 รัฐบาลมีเงินในมือพอที่จะจับจ่ายในระบบเศรษฐกิจได้อย่างน้อย 7 แสนล้าน น่าจะพอเพียงกับปัญหาเร่งด่วนที่จะระดมเงินออกมาจับจ่ายได้ พร้อมๆกับงบประมาณการลงทุนอื่นๆที่มีอยู่ในงบประมาณพอจะมีลุ้นให้รัฐบาลประคองตัวไปได้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องลุ้นและรับข้อเสนอจากภาคเอกชนในระดับเร่งด่วนหลายเรื่องด้วยกัน เช่น ศาลล้มละลายกลางให้กรรมการที่จะทำแผนฟื้นฟูต่อไป น่าจะต้องลุ้นว่าการบินไทยจะอยู่หรือจะไป ในขณะที่มีทรัพย์สินกับหนี้สินอย่างน้อย 140 นิติบุคคลซึ่งมีหนี้สินกับทรัพย์สินพอๆกัน จะสามารถทำแผนฟื้นฟูให้เจ้าหนี้เขายอมรับมากน้อยเพียงใด นับเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติที่ต้องรอลุ้นกัน
การท่องเที่ยวที่ร่อแร่กับการปิดประเทศ และหากไม่เปิดประเทศอาจต้องปลดคนทำงานอีกไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน แม้ว่าจะมีมาตรการเปิดให้คนต่างชาติเข้ามาพักอาศัยได้ 270 วัน โดยมีเงื่อนไขต้องพักรักษาตัวหรือต้องอยู่ในสถานกักกัน เช่น โรงแรม หรือ คอนโดที่มีหลักแหล่งก็ตามจะมีผู้คนมาเข้าพักและท่องเที่ยวแบบ Long Stay สักเท่าใด ยังเป็นโจทย์ใหม่ของการท่องเที่ยว
นอกจากนี้สภาอุตสาหกรรมยังเรียกร้องให้รัฐสนับสนุนโดยการหยุดพักชำระหนี้เพิ่มอีก 2 ปี และจ่ายดอกเบี้ยเพียง 10% ของหนี้ที่มีอยู่ จะสามารถชะลอการปิดตัวของภาคอุตสาหกรรมได้ระดับหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลคงต้องพิจารณาอย่างละเอียดถึงผลกระทบความเดือดร้อนและผลกระทบของสถาบันการเงินเขาจะอยู่กันได้หรือไม่ มิใช่เอาใจแต่ลูกหนี้ฝ่ายเดียว น่าเห็นใจรัฐบาลอยู่เหมือนกัน
แต่รัฐบาลมีโครงการเพิ่มเงินในบัญชีให้กับประชาชนอีกคนละ 300 บาท โครงการคนละครึ่งและการจ่ายผ่านบัญชีให้เดือนละ 500 บาท 3 เดือน เพื่อประทังความจนและประทังชีวิตต่อไปได้อีก คงพอกล้ำกลืนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ แต่ยังไม่เห็นมีโครงการใหญ่ๆที่พอจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเศรษฐกิจไทย ยกเว้นงาน JOB EXPO ของกระทรวงแรงานที่มีงานรองรับถึงล้านตำแหน่ง
รัฐบาลกำหนดวันหยุดติดต่อกัน 4 วัน ให้อีก 2 ช่วง คือ 19-22 พ.ย. 63 และ 10-13 ธ.ค.63 เพื่อให้ประชาชนนำเงินออกไปต่อยอดท่องเที่ยวกันอีก เป็นการกระตุ้นให้เงินที่ได้ต่อยอดไปอีก 4-5 เท่า น่าจะพอกระตุ้นได้บ้าง
คงต้องรอลุ้นวาระของญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเสนอ หากผ่านไปได้ คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี คงหมดวาระของรัฐบาลพอดี แต่ประชาชนจะได้อะไรจากรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขใหม่ ยังต้องรอลุ้นกันอยู่ดี