ดร.วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
กองทัพเรือยอมถอยงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำ ใช้เงินเฉพาะปี 64 ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยเจรจาจีนขอเลื่อนไปปีหน้าแทน เพื่อให้หลุดพ้นจากประเด็นของฝ่ายค้านและของประชาชนในยุคหลังโควิด-19 ทำให้รัฐบาลหายใจได้คล่องขึ้น
ในส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลยอมเปิดใจที่จะแก้ไขให้เหมาะสมกับทิศทางของประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะทุกฝ่ายเรียกร้องและขอให้แก้ไข โดยเฉพาะในประเด็นของ ส.ว.ที่ระบุให้มีบทเฉพาะกาลเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และมีอยู่ถึง 5 ปี คงลดความกดดันจากทุกฝ่ายได้อีกประเด็นหนึ่ง
ย้อนกลับมาประเด็นของการพัฒนาประเทศไทย ทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนา EEC และการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพราะนานๆจะได้เห็นกระทรวงอุตสาหกรรมออกมาแถลงความก้าวหน้าของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบ้านเมืองอื่นเขาก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะอเมริกาและจีนที่หันกลับมาเร่งพัฒนาเป็นการใหญ่ ซึ่งคุณสุริยะ ออกมาแถลงในการสัมมนา New Generation Automotive ไว้น่าสนใจและน่ายินดีที่ประเทศไทยในปี 2030 จะมียานยนต์ไฟฟ้ากับเขาแล้ว
รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติตั้งแต่ปี 2560 โดยมีเป้าหมายของโรดแมปว่าภายในปี 2030 หรืออีก 10 ปีข้างหน้าน่าจะเกิดเป็นรูปธรรมของโรดแมปนี้ได้ โดยให้เวลาอุตสาหกรรมยานยนต์ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะยกเครื่องยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ให้หมดไป โดยแบ่งแผนออกเป็น 3 ระยะ
ระยะสั้น อันใกล้นี้จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าใช้ในราชการ รถบัสสาธารณะ จักรยานยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ และยานยนต์ส่วนบุคคลอื่นให้ได้ 60,000-100,000 คัน
ระยะกลาง จะผลิตรถ smart city car อย่างน้อย 3 แสนคันไว้ใช้ในประเทศ
ระยะยาวจะผลิตยานยนต์ทั่วไปอีก 70% หรือ 7 แสนคันเพื่อใช้ภายในประเทศ
ทั้งนี้เพื่อเป็นการแนะนำและเปิดโอกาสให้ประชาชนนำรถเก่าอายุ 15 ปีแล้วมาแลกรถไฟฟ้าหรือ EV โดยอาจปรับลดภาษีให้ไม่เกิน 1 แสนบาท เพื่อกำจัดซากรถเก่าๆที่ยังคงวิ่งกันอยู่ให้ลดลง
ในการนี้ BOI ได้เปิดรับการส่งเสริมการลงทุนตั้งแต่ปี 60 มา 3 ปี มีผู้สนใจสมัครเข้ารับการส่งเสริมถึง 26 โครงการ มียอดการผลิต 5-6 แสนคันไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะพื้นที่ใน EEC ด้วยสิทธิพิเศษที่จูงใจ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้งของเยอรมนี ญี่ปุ่น และจีนได้เข้าร่วมโครงการนี้กันคับคั่ง และอาจจะเปิดโครงการต่อไปอีก
นอกจากนี้สถานี charging แบตเตอรี่ ในกทม.มีแล้ว 11 แห่ง โดยการไฟฟ้านครหลวง ส่วนในต่างจังหวัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะจัดตั้งให้แล้วเสร็จ 62 แห่งในปีหน้า และมีครบทุกจังหวัดหรือทุก 100 กม. ร่วมกับสถานีบริการน้ำมันของบางจากรวม 163 แห่งในอัตราค่าไฟฟ้ายูนิตละ 2.63 บาทเท่านั้น
นับได้ว่ารัฐบาลได้เตรียมความพร้อมทั้ง 3 องค์ประกอบ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติต้องกำกับให้เป็นไปตามแผนทั้ง 3 ระยะให้ไปพร้อมๆกัน การสร้างคนด้านนี้หวังว่ากระทรวงอุตสาหกรรมคงเอาจริงเอาจังกับนโยบาย เพราะอีก 10 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีนี้จะก้าวหน้าไปอีกมาก
ภายใน 10 ปีนี้เราคงได้เห็นยานยนต์ไฟฟ้าออกมาวิ่งตามถนนกันมากขึ้น น้ำมันจะมีความสำคัญน้อยลง ราคาแบตเตอรี่จะมีราคาถูกลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประเทศไทยน่าจะปลอดจากมลพิษมากขึ้น เป็นที่น่ายินดีกับประเทศไทยที่ก้าวพ้นกับน้ำมันและก๊าซไปกับประเทศอื่นอย่างมีแผน