เสือตัวที่ 6
แม้กระบวนการที่มีในปัจจุบัน ในเรือนจำในพื้นที่ปลายด้ามขวาน อันเป็นสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องขังในคดีความมั่นคงในพื้นที่ จชต. จะดำเนินการด้วยการเคารพในสิทธิความเชื่อ และวิถีชีวิตตามหลักศาสนาอย่างมากแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารฮาลาล ที่ประกอบอาหารด้วยผู้ต้องขังชาวมุสลิมเอง หรือการประกอบศาสนกิจตามหลักศาสนา อาทิ การละหมาดตามห้วงเวลาที่กำหนดในหลักศาสนาอิสลาม การปรับห้วงเวลารับทานอาหารของพี่น้องผู้ต้องขังชาวมุสลิมให้เหมาะสมในห้วงถือศีลอด ตลอดจนการถ่ายทอดเผยแผ่คำสอนตามหลักศาสนาก็ตาม หากแต่สภาพของความคิดที่ยังคุกรุ่นในหัวใจ อันเป็นปัญหาคับข้องใจของผู้ต้องขังหลายๆ คนซึ่งมีอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของผู้ต้องขังในในคดีความมั่นคงก็คือ การที่พวกเขาไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่พวกเขาต้องการ
เหล่านี้คือเงื่อนไขสำคัญที่ส่งผลให้เกิดแนวโน้มความหวาดระแวง ไม่เชื่อมั่นต่อระบบของรัฐในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อผู้ต้องขังได้พ้นโทษและออกไปจากเรือนจำไปแล้ว ตลอดจนญาติพี่น้อง คู่สมรส บุตร หลาน จึงมีโอกาสความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดช่องว่างให้นักจัดตั้งมวลชนของขบวนการสร้างความเห็นต่างจากรัฐ เข้ามาสอดแทรกให้กลุ่มคนเหล่านี้ เกิดความหวาดระแวงต่อรัฐมากขึ้น อันเป็นโอกาสให้มีความเป็นไปได้สูงที่บุคคลเป้าหมายเหล่านี้จะเข้ามายึดมั่นในอุดมการณ์การต่อสู้กับรัฐอย่างเข้มข้นอยู่ต่อไป ทั้งยังสามารถขยายต่อความเห็นต่างออกไปยังกลุ่มคนอื่นๆ ได้เพิ่มมากขึ้น
ปรากฏการณ์ข้างต้น จึงล่อแหลมต่อการตกเป็นเป้าหมายในการขยายแนวร่วมของขบวนการแบ่งแยกดินแดนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งอย่างน้อย บุคคลเหล่านี้ ก็จะเป็นกลุ่มที่สืบทอดและร่วมขยายต่อแนวคิดการเห็นต่างจากรัฐในรูปแบบต่างๆ ไปได้ เพราะความคิดของการไม่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรมเหล่านั้น ได้ถูกส่งต่อ ถ่ายทอดไปยังกลุ่มผู้ต้องขังรายอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ต้องขังในคดีความมั่นคง ด้วยกันในเรือนจำ ตลอดจนญาติพี่น้อง และบุคคลในครอบครัว ที่มาเยี่ยมในเรือนจำ อันจะเป็นการขยายต่อความเห็นต่างจากรัฐให้กว้างขวางออกไป ด้วยประเด็นอันเป็นเงื่อนไขสำคัญก็คือ ความไม่เชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของรัฐตามที่กล่าวอ้าง
นอกจากนั้น ในสภาพของความคิดในปัจจุบันของผู้ต้องขังคดีความมั่นคงเกือบทั้งหมด ที่สืบเนื่องจากการไม่ยอมรับในกระบวนการพิจารณาคดีที่ผ่านมาข้างต้น ยังส่งผลให้กลุ่มผู้ต้องขังเหล่านั้น มีความคิดที่ขุ่นเคืองรัฐ ด้วยคิดว่า รัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ กลั่นแกล้ง เป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องถูกจำขังในเรือนจำ อันส่งผลให้คนในครอบครัวของเขาต้องดำรงชีวิตอยู่ในพื้นที่ด้วยความยากลำบาก ด้วยผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นหลักสำคัญในการหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งเมื่อคนเหล่านี้ ถูกพิจารณาตัดสินในกระบวนการยุติธรรมของรัฐว่ามีความผิดในคดีความมั่นคง ตามที่ถูกกล่าวหา อย่างไม่เป็นธรรม จึงส่งผลให้คนอันเป็นที่รักของคนเหล่านี้ ต้องลำบากในการใช้ชีวิต ความรู้สึกเหล่านี้ ยิ่งตอกย้ำความคับข้องใจของผู้ต้องขังเหล่านี้ ให้มีความเห็นต่างจากรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มของความคับข้องใจจนเป็นชนวนเหตุของความคิดแปลกแยกแตกต่างจากรัฐมากขึ้นๆ ซึ่งง่ายต่อการโน้มนำให้ร่วมขบวนการต่อไป ทั้งยังสามารถขยายผลสู่สมาชิกในครอบครัวให้เข้าร่วมขบวนการร้ายแห่งนี้ เพิ่มมากขึ้น
ในเดียวกัน ความห่วงกังวลของผู้ต้องขังเหล่านี้ ที่เกือบทุกคน จะมีความคิดว่า เมื่อออกไปจากเรือนจำในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าได้แล้ว พวกเขาจะดำรงชีวิต หาเลี้ยงชีพอย่างไร พวกเขาจะยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ในท้องถิ่นเดิมของตนอยู่ได้หรือไม่ ด้วยมูลเหตุจาการที่ส่วนใหญ่คิดว่าที่ตนเองต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำในขณะนี้นั้น มีการบอกกล่าวส่งต่อกันมา ถึงการถูกคุกคามหรือมีการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่งมาก่อน ตลอดจนบางส่วนเคยคิดว่าที่ต้องมาเป็นผู้ต้องขังนั้น ด้วยถูกหลอกจากเจ้าหน้าที่รัฐให้รับสารภาพ หรือถูกหลอกให้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน แล้วถูกจับกุมดำเนินคดีในภายหลัง จนแพ้คดีกลายเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ
ความห่วงกังวล และความคับข้องใจของผู้ต้องขังเหล่านั้น ยังได้ถูกส่งต่อขยายความคิด สืบทอดความคิดต่อๆ กัน เหล่านั้นสู่สมาชิกในครอบครัวของผู้ต้องขัง ที่ยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัยในการดำรงชีวิตในท้องถิ่นเดิมของตน ด้วยหวาดระแวง และคิดไปเองว่า อาจถูกเจ้าหน้าที่รัฐเพ่งเล็ง ตรวจสอบพฤติกรรมเป็นพิเศษ จนถึงขั้นคิดไปว่าอาจถูกยัดเยียดข้อหาความมั่นคง หากเกิดเหตุร้ายในพื้นที่ในอนาคตได้ เหล่านี้คือต้นตอของความเห็นต่างจากรัฐ อันเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ล่อแหลมต่อการขยายต่อแนวคิดแปลกแยกแตกต่างจากรัฐ อันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญประการหนึ่งของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ให้เกิดแนวร่วมขบวนการต่อสู้กับรัฐ รุ่นต่อรุ่นอย่างไม่มีวันสิ้นสุดได้โดยง่าย
หากแต่กระบวนการถ่ายทอดขยายต่อแนวคิดความเห็นต่าง เพื่อมุ่งแสวงหาแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนในเรือนจำนั้น ยังไม่มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวโดยตรง หากแต่จะเป็นการขยายต่อแนวคิดแปลกแยกแตกต่างจากรัฐ โดยการดำเนินการในรูปแบบอื่น กล่าวคือ เป็นการดำเนินการบนเงื่อนไขของการไม่ได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมของรัฐ ซึ่งนั่น จะเป็นมูลเหตุสำคัญในการขยายต่อความคิดคับข้องใจ ออกห่างจากรัฐ และมีแนวโน้มในการปลีกตัวออกห่างจากรัฐมากขึ้น ทั้งตัวผู้ต้องขังเอง ตลอดจนสมาชิกในครอบครัว และมิตรสหายในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ล่อแหลมต่อการปลุกระดม ชี้นำ ขยายความคิดให้ออกห่างจากรัฐ สภาพปัญหาอันเกิดจากแนวคิดอันแปลกแยกแตกต่างจากรัฐ ของผู้ต้องขังในคดีความมั่นคง ที่อยู่ในเรือนจำ ยังมีความคุกรุ่นอยู่ในใจตลอดมา และมีแนวโน้มที่จะมีความคับข้องใจมากขึ้นๆ ตามกาลเวลาที่ผ่านไป โดยที่รัฐ ยังไม่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเหล่านี้เท่าที่ควร