แสงไทย เค้าภูไทย กระท่อมกลับมาเป็นที่วิพากษ์กันอีกครั้ง เมื่อคนไทยทางใต้ข้ามไปมาเลเซียแล้วลักลอบนำกระท่อมผง น้ำกระท่อมกระป๋อง เข้ามาและถ่ายรูปแชร์ในสื่อออนไลน์จนมีการแสดงความเห็นทั้งบวกและลบว่ารัฐบาลควรจะเลิกข้อจำกัดกระท่อมเป็นสารเสพติดหรือไม่กระท่อมเป็นสารเสพติดมีฤทธิ์อ่อนที่สุดในบรรดาพืชเสพติดด้วยกัน จึงมีความพยายามทำให้เป็นสมุนไพร โดยอ้างสรรพคุณด้านดีมากกว่าเสียและอ้างชาติที่เจริญแล้วหลายชาติเช่นสหรัฐที่มีการยกเลิกฐานะยาเสพติดกัญชาและกระท่อมแล้วแต่รัฐบาลก็ยังเห็นว่า คนไทยยังไม่มีวุฒิภาวะสูงพอจะแยกว่าอย่างไหนคือการใช้กระท่อมหรือกัญชาเป็นยารักษาโรค อย่างไหนเป็นการใช้จนเสพติด การที่มองว่ากัญชากับกระท่อมน่าจะได้รับยกเว้นจากฐานะสารเสพติดก็ด้วยเหตุผลว่า มีการขายกัญชาและกระท่อมจากไทยในสหรัฐอย่างเปิดเผย โดยกระท่อมไทยถือเป็นกระท่อมเกรด เอ มีการโฆษณาและขายออนไลน์เช่น Red Vein Thai Kratom Powder กระท่อมผงก้านแดง หรือWhite Vein Maeng Da Kratom Powder กระท่อมผงก้านขาวแมงดาเป็นต้น การที่ฝรั่งเรียกชื่อกระท่อม (Kratom) กับกัญชา (Kanja) แบบคนไทยเรียกกันนั้น ก็ด้วยเหตุผลว่า พืชเสพติดทั้งสองนี้ มีการใช้กันแพร่หลายในหมู่จีไอที่มารบในสงครามเวียดนามในช่วงที่หมุนเวียนมาพักในประเทศไทย โดยเฉพาะฐานทัพสัตหีบและแหล่งเที่ยวพัทยาเมื่อกลับบ้านก็นำติดตัวกลับไปด้วย มีการซื้อขายกันตั้งแต่ยังเป็นธุรกิจมืดมาจนสว่างในขณะนี้การที่กระท่อมและกัญชาได้รับการยกเลิกฐานะพืชเสพติด ก็ด้วยเหตุผลว่า พืชทั้งสองชนิดนี้เป็นยาเสพติดอย่างอ่อนเช่นเดียวกับบุหรี่ซ้ำยังมีคุณสมบัติทางยาโดยมีงานวิจัยกัญชาว่ารักษาได้หลายโรค เช่นเบาหวาน ความจำเสื่อม จนถึงมะเร็ง บริษัทยาหลายแห่งทำเป็นยาขาย เช่น GW Pharmaceuticals สกัดสาร THC and CBD จากกัญชาทำเป็นยาชื่อ Sativex รักษาโรคปลอกประสาทอักเสบ ( multiple sclerosis - MS)ขายใน 11 ประเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการวิจัยสาร THC รักษาโรคสมองและความจำเสื่อมด้วย โดยบริษัทตั้งเป็นโครงการ Next-generation Medicine ส่วนกระท่อม ยังมองในด้านยากล่อมประสาทและยารักษาอาการถอนยาอยู่อาการขาดยาหรือถอนยาหรือลงแดง (Drug Withdrawal) ในผู้ที่หยุดยาที่ใช้นานๆจนติดหรือเสพติดทันทีหรือลดปริมาณ จะเกิดอาการอ่อนเพลียรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน สับสน หงุดหงิด อารมณ์เสีย โมโหง่าย กระสับกระส่าย ใจสั่น หัวใจเต้นแรงและเร็ว ไม่มีสมาธิ นอนไม่หลับ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดฟัน ปวดหัว น้ำมูกไหล จามที่เสพติดมากๆ แล้วหยุดกะทันหัน จะเกิดอาการรุนแรง เช่นปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ม่านตาขยาย หรือขั้น “หักดิบ” จะปวดหัวรุนแรง เหงื่อออกมาก หอบ มีไข้สูงถึงขั้นชัก หมดสติและตายได้ปกติแพทย์จะรักษาแบบประคับประคอง รักษาตามอาการ โดยใช้ยากล่อมประสาท ยาทางจิตเวชบางชนิดลดอาการเครียด อาการเสี้ยนยา จนคนไข้ค่อยๆคืนกลับสู่สภาพปกติ อาการเหล่านี้ สามารถใช้ยาเสพติดชนิดอื่นเช่นกัญชาและใบกระท่อมมาทดแทน โดยค่อยๆลดขนาดลงในภายหลังจนเลิกใช้ในที่สุดในทางยาแผนโบราณ กระท่อมใช้ในยาเกี่ยวกับโรคในท้อง เช่นตำรับยาประสะกระท่อม ที่ใช้ใบกระท่อมหนักเท่าตัวยาทั้งหมดเป็นหลัก ใช้แก้บิด แก้ป่วง ปวดมวน ปวดเบ่ง ท้องร่วง ปวดเมื่อยตามร่างกายและระงับประสาทคุณสมบัติด้านสงบระงับ หรือกดประสาท กล่อมประสาท บังอาการเหนื่อยล้า ทำให้ทำงานได้นาน ทนแดด ทนร้อน แต่ไม่ทนหนาวและฝน เป็นข้อที่หยิบยกกันมาสนับสนุนการยกเลิกฐานะยาเสพติดของกระท่อมแต่ก็มีด้านตรงกันข้าม เช่นชาวนาตายเพราะกินกระท่อมแล้วออกไปทำนา หักโหมไม่รู้เหน็ดเหนื่อย พอหมดงานเข้าพักใต้ร่มไม้ กระท่อมหมดฤทธิ์ ร่างกายเกิดอาการล้าสุดขีด ช็อก หมดสติและตาย สาเหตุจากลมแดด และทำงานเกินกำลังแต่ไม่รู้สึกตัว เพราะฤทธิ์กระท่อมบังอาการอยู่การที่กระท่อมเป็นสารเสพติดฤทธิ์อ่อน การนำไปใช้ในทางที่ผิดจึงต้องเพิ่มฤทธิ์ ด้วยการนำน้ำกระท่อมไปผสมกับสารออกฤทธิ์อื่นๆ ที่นิยมแพร่หลายกันมากในภาคใต้ก็คือยาเสพติด “สี่คูณร้อย” สูตรผสมคือยาแก้ไอชนิดควบคุมที่เป็นยาควบคุมผู้ขายต้องมีใบอนุญาต ผู้ซื้อต้องซื้อตามใบสั่งแพทย์ ยากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นยาที่มีตัวยาโคเดอีนเป็นตัวหลัก สูตรที่ผสมเป็นหลักคือ น้ำใบกระท่อม โค้ก ยาแก้ไอหรือยากล่อมประสาทหรือยาจุดกันยุง เสพแล้วขาดการยับยั้งชั่งใจ นำไปสู่การก่ออาชญากรรม ก่อการร้ายอย่างที่กลุ่มก่อความไม่สงบภาคใต้ดื่มย้อมใจก่อนปฏิบัติการอย่างที่เป็นอยู่ การที่จะทำให้กัญชาหรือกระท่อมเป็นสิ่งถูกกฎหมายจึงต้องมองผลของการใช้ที่พลิกแพลงนอกเหนือจากความเป็นสมุนไพรด้วยลำพังกลุ่มก่อความไม่สงบภาคใต้นั้น รัฐคงจะเอื้อมมือไปควบคุมไม่ถึง ที่เป็นอยู่ น่าจะปลูกกันเป็นดงเต็มภูเขา เพื่อเอาไว้เสพเองกับขายหารายได้เสริมรายได้จากดีเซลเถื่อน น้ำมันปาล์มเถื่อนอีกทาง ปัญหายาเสพติดในประเทศนั้น โยงกันอยู่ 3 เส้า คือผู้ค้า ผู้ซื้อและผู้ปราบตราบใดที่มีคนซื้อ ตราบนั้นก็มีคนขาย เมื่อมีผู้ซื้อ/ผู้ขาย ก็ต้องมีผู้ปราบปรามยาเสพติดชนิดร้ายแรงที่แพร่หลายมากที่สุดในขณะนี้คือยาบ้า ที่มีสถิติว่าปริมาณการค้ายาบ้าเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าตัวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแสดงถึงมีผู้เสพติดเพิ่มขึ้น5 เท่าตัวเช่นกันเล่าต๋า ราชายาเสพติดซึ่งขณะนี้ ติดคุกพร้อมบุตรชาย เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายครั้งว่าไม่เคยมีรัฐบาลไหนแก้ปัญหายาเสพติดได้ถูกทาง แต่เขาไม่เคยบอกวิธีแก้ที่ถูกทาง ว่าเป็นอย่างไรเพียงแต่ใบ้เป็นปริศนาว่า ปัญหายาเสพติดเหมือนคนไข้ ที่ถูกหมอทำให้เป็นโรคเรื้อรัง คือเลี้ยงโรคใครกันนะ ที่เป็นหมอเลี้ยงโรคเหล่านั้น ?