สถาพร ศรีสัจจัง
ไม่แน่ใจนักว่าสถานที่ ที่งดงามน่าสนใจอย่างเขาพับผ้า(ส่วนหนึ่งของเทือกเขาบรรทัดที่พาดผ่านพัทลุง-ตรัง-สตูล)จะมีบันทึกหรือคนเขียนถึงไว้มากแค่ไหน รู้เพียงว่าในช่วงรัชกาลที่ 5 และ 6 ยามที่พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เป็นเจ้าเมืองตรัง ที่นี่ได้รับความสนใจมาก นอกจากท่านผู้นี้จะเป็นผู้ริเริ่มตัดถนนบนเขาพับผ้าเชื่อมต่อกับเมืองทางฝั่งตะวันออกจนสำเร็จแล้ว เฉพาะบริเวณตรงธารน้ำปากทางขึ้นสู่ “โตนปลิว” ของน้ำตกกะช่อง ที่ “เขาพับผ้า” ผลิตน้ำส่งให้อย่างเหลือเฟือนั้น ท่านยังได้จัดสร้างพลับพลารับเสด็จล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ขึ้น ได้รับพระราชทานนามว่า “ตำหนักโปร่งฤทัย” พระองค์ท่านเสด็จมาประทับที่นี่ถึง 2 ครั้ง คือในปี พ.ศ. 2452 และ 2458
นอกจากล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6 แล้ว ในปี พ.ศ. 2471 รัชกาลที่ 7 ก็เสด็จมาประทับที่นี่ด้วย ที่สำคัญมากก็คือ พระบาทสมเด็จฯพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาประทับที่นี่และทรงจารึกพระนามาภิไธยไว้ที่ผาหินบริเวณน้ำตกกะช่องทั้ง 2 พระองค์
อันต้องถือว่าเป็นมหามงคลยิ่งของพสกนิกรชาวจังหวัดตรัง!
นอกจากเขาพับผ้าและกะช่องจะเกี่ยวข้องกับพระเจ้าแผ่นดินหลายพระองค์แล้ว ก็ยังมีนักเขียนและกวีจำนวนไม่น้อยที่เขียนถึงสถานที่ดังกล่าวนี้ไว้
ที่จำได้แน่ๆเรื่องหนึ่งคือ “นิราศกระช่อง” ของ รศ.วันเนาว์ ยูเอ็น ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะตีพิมพ์อยู่ในวารสาร
“รูสมิแล” ของ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ฉบับที่ 1 ปีที่ 1 น่าจะสักประมาณ พ.ศ. 2515 นั่นแหละมั้ง
แต่ถ้าใครมีโอกาสผ่านเขาพับผ้า และได้แวะชมนิทรรศการกลางแจ้งขนาดใหญ่ตรงริมถนนกลางหุบเขาที่เรียกกันว่า “Andaman Gateway” อะไรนั่น ก็จะเห็นว่ามีการตัดเอาบทกลอนท่อนหนึ่งที่บรรยายถึงสภาพเขาพับผ้ามาจัดแสดงไว้ด้วย เป็นกลอนของ “พนม นันทพฤกษ์” ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ชาวพัทลุง-ตรัง ที่น่าจะเขียนขึ้นสักประมาณปี พ.ศ. 2523 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังใช้ถนนสายเก่าที่แสนจะคดโค้งและหวาดเสียวอยู่
กลอนที่ชื่อ “เขาพับผ้า-พัทลุง-ตรัง” บทนี้ ถ้าใครมีโอกาสได้อ่านเต็มบท จะพบว่ามีเนื้อหาที่ชี้ทั้งสภาพภูมิศาสตร์และสภาพสังคมของผู้คนแถบเขาบรรทัดขณะนั้นได้อย่างเห็นภาพทีเดียว ลองอ่านดูสักท่อนก็แล้วกัน :
" วกวับวกวับเป็นคุ้งโค้ง/สองฟากป่าโปร่งลำห้วยใส
หญ้าคาดอกขาวสะบัดไกว/ลมชื้นไล้ไล้ละโลมลง
เหนือภูแดดส่องเป็นลำแสง/ทอทาบสาดแทงม่านหมอกผง
เหมือนพรายรุ้งฟ้าระบายดง/ทาบตรงสันภูพะพรายพราย...
โคลงเคลงแตกกลีบสีม่วงคล้ำ/ไม้ไร่สดฉ่ำบานดอกฉาย
ลาดสันภูทาบอาบระบาย/สร้างข่าวลือ-สร้างนิยาย ขยายไกล..
เล่าว่าสิบปีประมาณผ่าน/นับร้อยศพทหารหาญพลีชีพให้
ว่า-ทุกวกทุกสะพานทุกพับไป/ล้วนเคยมีเลือดไหลละโลมทา
ว่า-พับผ้าคือผ้าพับคลี่รับคลื่น/ผองประชาที่ตื่นทุกย่านท่า
ว่า-ผลของสงครามที่ตามมา/ยังไม่มีใครกล้าพยากรณ์...ฯ
คนตรัง-พัทลุงที่เกิดไม่ทันถนนสายเขาพับผ้าสายเก่า และไม่ทันความขัดแย้งทางการเมืองยุค “หลัง 6 ตุลาฯ” (พ.ศ.2519) ย่อมยากที่จะจินตนาการถึง “อดีต” ของเขาพับผ้าและน้ำตกกะช่อง(หรือ “กระช่อง” ตามชื่อนิราศของ อ.วันเนาว์?) รวมถึง “บรรยากาศ” ชีวิตสังคมของผู้คนในแถบถิ่นนั้นในยามนั้น กลอนบทนี้จึงถือว่าเป็นบทบันทึกภาพประวัติศาสตร์ของเขาพับผ้าช่วงหนึ่งไว้ให้คนชั้นหลังที่สนใจได้รับรู้ศึกษา
น้ำตกกะช่องที่เคยยิ่งใหญ่สวยงาม(มากๆ)ในอดีตนั้น วันนี้แทบจะไม่เหลือร่องรอยให้เห็นมากนัก เป็นทั้งเพราะถูกภัยธรรมชาติถล่มหนักถึง 2 ครั้ง 2 ครา ปี 2524 ครั้งหนึ่ง และ 2561 อีกครั้งหนึ่ง แต่ที่หนักกว่าภัยธรรมชาติ ฟังว่าก็คือ “ภัยคน” ที่ถางภูเขาปลูกยางพารานั่นแหละ !
ป่าภูเขาพับผ้าที่เคยอุดมสมบูรณ์แน่นหนา มีสัตว์ป่าหลากสายพันธุ์ เป็น “ป่า 3 ชั้น” แท้ๆแบบป่าในเขตมรสุมแถบศูนย์สูตร ขนาดศิลปินใหญ่ที่ชื่อ “เทพศิริ สุขโสภา” (ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ที่เรียนมาทางทัศนศิลป์และมีฝีมือระดับฉกาจในด้านเขียนรูปด้วย) เคยเตรียมอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือเพื่อเขียนรูป ตั้งใจจะมาเขียนภาพ “ป่า 3 ชั้น” แถบเขาพับผ้าถึงขนาดต้องถอยกลับ ทิ้งเครื่องเขียนทั้งหมดไว้ให้โรงเรียนบางโรงแถบนั้น ด้วยพบว่า “เขียนไม่ได้!” นี่เป็นเรื่องที่ฟังมาจากวงการบรรดา “ศิลปินใหญ่” อีกที จะจริงเท็จอย่างไรก็ต้องตรวจสอบกันเอาเอง
แต่จะอย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป้องกันป่าและสัตว์ป่า ก็เกิดขึ้นบริเวณเขาพับป้าและน้ำตกกะช่องเป็นจำนวนมาก ทั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด/สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพัทลุง/ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาช่อง และ สวนพฤกษศาสตร์เขาช่อง เป็นต้น
ลืมบอกไปว่าบนเขาพับผ้าตรงหุบ “น้ำราบ” ด้านหลังร้านกาแฟและรีสอร์ตชื่อดัง “เขาพับผ้า” ในปัจจุบันนั้น เคยมี “สถานีวนกสิกรรม” ของกระทรวงเกษตรฯตั้งอยู่ และที่นี่เคยมีการส่งเสริมและทดลองปลูกกาแฟกันมาตั้งแต่พ.ศ.2505 โน่นแล้ว จุดเกิดของบริษัทกาแฟพันธุ์ไทยที่ชื่อ “กาแฟเขาช่อง” ก็เกิดที่นี่แหละ ไปโด่งดังระดับประเทศก็เพราะฝีมือของ “ชาญ จิระเลิศพงษ์” อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ศิษย์เก่าวิเชียรมาตุ รุ่น “แม่แก้ว 89” ผู้ล่วงลับคนนั้นเอง
ใครที่เป็น “ขาเที่ยว” หรือ “นักเดินทาง” หรือ “นักสำรวจ” ที่ไม่เคยมา “สโลว์ ไลฟ์” แถวเขาพับผ้า-กะช่อง ลองแวะมาดูเถอะ รับรองไม่ผิดหวัง ตอนนี้เขามีที่พักในพื้นที่เป็น “รีสอร์ตระดับ 5 ดาว” หลายแห่ง ที่ดังๆนอกจาก “เขาพับผ้า” ที่ว่ามาแล้ว อย่างน้อยฟังว่ายังมี “กะช่องฮิล เต็นท์ รีสอร์ต” ที่อยู่ตั้งอยู่เชิงเขาฝั่งตรังอีกแห่ง ฟังว่าที่นั่นมีจุดดูหมอกสวยมาก แถมการออกแบบที่พักก็สอดรับกับธรรมชาติยิ่งนัก!(แนะนำให้เผื่อวันหลังจะได้ขอลดมั่ง...)
วันหยุดยาวที่ที่รัฐบาลลุงตู่จัดให้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ใครที่เบื่อข่าวความขัดแย้งทางการเมือง (ที่บางใครวิเคราะห์ว่า ครั้งนี้ถ้าจัดการไม่ดี อาจจะทำให้คนไทยฆ่ากันเองอย่างหนักหนากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ตามประสาคนเมืองพุทธที่ไม่เคยรู้กันเลยว่า “พุทธ” คืออะไรเด็กๆนะพอเข้าใจได้ว่าเพราะเป็นเหยื่อของระบบทุนนิยมบริโภคตะวันตกที่คนรุ่นปู่ย่าพ่อแม่ชักนำเข้ามา/แต่ผู้ใหญ่ทั้งหลายนั่นสิ...?) หรือเบื่อดูทีวี. เบื่อเข้าโซเชียล เน็ตเวิร์ก ดูเด็กแย่งกันโพสต์ชู 3 นิ้วโชว์โบขาวถ่ายรูปไว้โพสต์ หลบมานอนนิ่งๆแถวเขาพับผ้า-กะช่องสักคืนสองคืนก็ไม่เลวนะ!!!!