เสรี พงศ์พิศ www.phongphit.com ไวรัสตัวนี้มาเปลี่ยนโลกจริง คนเก่งขนาดไปดวงจันทร์ ส่งยานอวกาศไปดาวอังคาร มาพ่ายโคโรนาไวรัสโควิด-19 สหรัฐอเมริกาที่ก้าวหน้าแทบทุกด้าน กลายเป็นประเทศที่ติดเชื้อมากที่สุด ตายมากที่สุด ประเทศที่พัฒนาทั้งหลายกลายเป็นเป้าหมายและเป็นเหยื่อของโคโรนาไวรัสโควิด-19 ตัวนี้ ที่ความจริงก็ไม่ได้โหดร้ายในแง่พิษสง แต่เพียงเพราะแพร่ระบาดง่าย กระจายเร็ว จากไม่กี่กรณีไปเป็นแสนเป็นล้านได้ในเวลาไม่นาน และยากลำบากในการควบคุมเพราะยังมีความรู้ความเข้าใจน้อย คาดคะเนยาก ที่ประกาศว่าเราชนะแล้ว เอาอยู่แล้วอย่างนิวซีแลนด์ วันนี้กลับมาล็อกดาวน์เป็นพื้นที่อีก ไม่ต้องพูดถึงออสเตรเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น ที่นึกว่าจบแล้ว แต่โควิดก็กลับมาเล่นเอาเถิดต่อไป รวมทั้งประเทศที่ฝืนกระแสสังคมและการบีบคั้นทางเศรษฐกิจไม่ได้อย่างสเปนที่ตัวเลขผู้ติดแม้ไม่หมด แต่ก็เหมือนว่าควบคุมได้แล้ว หันมาเปิดรับนักท่องเที่ยวอีก กลับไปสู่วงจร “อุบาทว์” เดิม ตัวเลขขึ้นวันละหลายพัน จนต้องล็อกดาวน์ ทำเอาผู้คนในวงการท่องเที่ยวโอดครวญว่า คราวนี้ตายแน่ สถานการณ์โลกวันนี้จึงเดาไม่ถูกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ด้านหนึ่งก็หวังว่าวัคซีนจะมาเร็ว แค่การประกาศแบบน่ากังขาของรัสเซียว่าได้วัคซีนแล้วก็ทำให้ราคาทองคำตกลงไปแบบหัวทิ่ม หุ้นก็ผันผวน รัฐบาลหลายประเทศที่ติดโควิดมากวางแผนร่วมมือในการผลิตวัคซีนและ “เปิดประเทศ” กันแล้ว แต่อีกด้านหนึ่งก็กลัวว่า แม้มีวัคซีน เศรษฐกิจที่เจ๊งไป หลายส่วนคงกู่ไม่กลับหรืออาจใช้เวลาหลายปี เพราะคราวนี้รุนแรงที่สุดไม่น้อยกว่าเมื่อ 100 ปีก่อนที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ไปทั่วโลก สถานการณ์วันนี้แสดงให้เห็นว่าโลกไม่สามารถปรับตัวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้ ไม่รู้ว่าจุดสมดุลอยู่ตรงไหนระหว่าง “สุขภาพกับเศรษฐกิจ” ระหว่างชีวิตของคนกับวิถีธรรมดาใหม่ ที่พูดกันไปแต่ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร เพราะยังไม่สามารถจัดการให้เกิด “นิวนอร์มอล” นี้ได้ การที่บางประเทศกลับไปยังวิถีเดิม “โอลด์ นอร์มอล” นึกว่าปลอดภัยสบายดี ก็พบว่า ไม่ใช่ ไม่ได้แล้ว ต้องกลับมาตั้งหลักอีกครั้ง เหมือนออกไปรบแล้วแพ้กลับมา ต้องกลับมา “เลียแผล” เพื่อหาทางออกไปสู้ใหม่ ประเทศทั้งหลายไม่มีใครบอกได้ว่า นิวนอร์มอล คืออะไรจริงๆ ประเทศที่อยู่ได้ด้วยการท่องเที่ยวอย่างสเปน ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พอโควิดกลับมา อังกฤษกับเยอรมนี ซึ่งเป็นสองชาติที่ไปเที่ยวสเปนมากที่สุดก็ประกาศเตือนไม่ให้ไปสเปน กลับมาอาจถูกกัก 14 วัน เศรษฐกิจสเปนที่กำลังจะฟื้นก็สลบไปอีกรอบ นี่คือสภาพที่สับสนอลหม่านสำหรับประชาชน ที่ด้านหนึ่งก็ทุกข์ทรมานกับการขาดรายได้ ไม่มีงานทำ กำลังจะอดตาย และกดดันให้รัฐบาลปลดล็อก คืนสู่สภาพปกติ โดยไม่ต้องเกรงกลัวโควิด เพราะคนจะตายเพราะอดอยากมากกว่าจากโควิด แรงกดดันนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในสหรัฐฯและยุโรป เดินขบวน ประท้วงแบบไม่สนใจมาตรการป้องกันอะไรทั้งนั้น เพราะกระจายข่าวกันไปทั่วว่าถูกรัฐบาลหลอก โควิดไม่ได้ร้ายแรงอะไร รัฐใช้โควิดเพื่อเป้าหมายอย่างอื่น การประท้วงทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก แพร่ระบาดมากยิ่งขึ้น สถานการณ์โควิดในประเทศไทยก็ดูเหมือนเอาอยู่ ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในประเทศนานหลายเดือน ที่ติดก็มาจากต่างประเทศและควบคุมได้ ปัญหาใหญ่เป็นเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง ที่รัฐบาลต้องคิดหนักว่าจะหาจุดพอลงตัวได้บ้างหรือไม่ ถ้าเปิดรับนักท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจะทำอย่างปลอดภัยได้อย่างไร จะกลับไปสู่สภาพเก่าวิถีเดิมแบบไหน และจะเยียวยาต่อลมหายใจคนเกือบทุกอาชีพที่กำลังจะตายกันได้อย่างไร โดยไม่ได้คิดอย่างจริงจังว่า วิถีธรรมดาใหม่ หรือ นิวนอร์มอล ของไทยเองคืออะไร ประเด็นไม่ใช่เพียงการปรับรูปแบบภายนอกของการประกอบการต่างๆ การท่องเที่ยว สถานที่ทำงาน สถานที่ประชุมพบปะ สถานศึกษา และแค่การสวมหน้ากากอนามัยไปทำงานไม่ได้แปลว่านิวนอร์มอล เพราะวิถีธรรมดาใหม่ หรือนิวนอร์มอล เป็นกระบวนทัศน์ใหม่ (new paradigm) คือการปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีปฏิบัติ วิธีให้คุณค่า ที่อยู่บนฐานการมองโลกมองชีวิต มองความเป็นจริงแบบใหม่ ซึ่งเมืองไทยไม่ได้ทำ และโลกก็ยังไม่ได้ทำ จึงไม่สามารถแก้ปัญหาโควิดได้ เราจึงเห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวอย่างที่สเปน และเกิดปัญหาอีก เห็นการกลับไปท่องเที่ยวในประเทศของตัวเองอย่างในประเทศต่างๆ ในยุโรป เกิดการระบาดกลับมาอีก แม้ไม่เห็นการระบาดใหม่ในไทย คนไทยเที่ยวในประเทศ แต่ก็เห็นพฤติกรรมเดิมๆ เห็นขยะเต็มหาด เห็นอากาศที่เต็มไปด้วยมลพิษเหมือนเดิม ผู้คนเริ่มหย่อนยานในมาตรการต้านโควิด โคโรนาไวรัสตระกูลนี้มีมาตั้งแต่ต้นศตวรรษนี้แล้ว เตือนโลกมาอย่างน้อย 2 ครั้งกับ Sars และ Mers ก็นึกว่าไม่ร้ายแรงอะไร ไม่นานก็จบแบบรุ่นพี่ วันนี้โคโรนาไวรัสตัวจริงมา โลกก็ไม่พร้อม นึกว่าจะมียา มีวัคซีนก็ยังไม่มี และแม้ว่าจะได้วัคซีน แต่ถ้าหากโลกยังไม่ปรับตัว ไม่ปรับกระบวนทัศน์ก็คงเกิดปัญหาไม่รู้จบ คือ วงจรอุบาทว์ที่คนเป็นผู้ก่อเอง ไม่ใช่ไวรัส ที่รอคิวที่จะมาอีกเป็นขบวน ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ยืนยันว่า จากนี้ไปโลกจะไม่เหมือนเดิม ด้านหนึ่งด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปแบบพลิกฝ่ามือ และมาถูกเร่งด้วยโควิด-19 อีก แต่ไม่มีใครบอกได้ว่า แล้วระบบเศรษฐกิจ สังคม การเมืองใหม่จะเป็นแบบไหนเพื่อให้ “อยู่รอดได้” คงไม่ใช่แค่ “รีเซต” ระบบ แบบเหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่ต้องสร้างขวดใหม่ และเหล้าใหม่พร้อมกัน ได้ยินแต่สิงคโปร์ที่ประกาศเรื่องนี้ไว้ชัดเจนกว่าใครๆ ว่า ถึงเวลาต้องพัฒนาระบบใหม่หมด ขณะที่ไทยเรายังคงวุ่นอยู่กับข้าวใหม่ปลามันของ ครม.ใหม่ กอดยุทธศาสตร์ 20 ปีประหนึ่งโลกหยุดหมุน โดยไม่สนใจคนรุ่นใหม่ที่กำลังเรียกร้อง “สังคมไทยใหม่” ทั้งองคาพยพ ไม่ใช่เพียงการปฏิรูป “ไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุดหรือแข็งแรงที่สุดที่จะรอด แต่คนที่ปรับตัวได้ดีที่สุดต่างหาก” (ชาร์ลส์ ดาร์วิน) “ถ้าคนไม่เปลี่ยนแปลงวิธีคิดแบบถึงรากถึงโคน ก็จะไม่มีทางรอด” (ไอน์สไตน์)