ทีมข่าวคิดลึก การเผชิญหน้ากับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในห้วงจังหวะใกล้เคียงกัน ในยามนี้ของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดูจะส่งผลกระทบต่อคะแนนความเชื่อมั่นของรัฐบาลให้มีอันต้องร่วงกราวลงไปไม่น้อย นับตั้งแต่ความร้อนแรง ที่เกิดขึ้นเอฟเฟกต์การเซตซีโร่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยแม่น้ำสองสายทั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จนเกิดเป็นแรงต้านจากคนกันเองอย่างที่เห็น รวมทั้งปัญหาที่กำลังจ่อคิวรอเข้าถล่มรัฐบาล นั่นคือความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ในเรื่องปากท้อง เรื่องภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องราคายางพาราที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง จนร่ำๆ จะเกิดม็อบจ่อบุกเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียกร้องขอให้รัฐบาลช่วยแก้ไขโดยด่วน ทั้งการเมือง และการบริหารนโยบาย ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กำลังดูเหมือนว่า ยิ่งเข้าสู่โค้งสุดท้ายโรดแมปของ คสช.มากเท่าใด ยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้นทุกขณะ จะด้วยเพราะความเดือดร้อนจากการ "กระชับพื้นที่" ทางการเมือง โดย คสช.ที่มีต่อ "นักการเมือง" ไปจนถึง "องค์กรอิสระ" ตามรัฐธรรมนูญ ของ คสช. นั้นหนักหน่วงและดุเดือดมากขึ้นทุกขณะ จนทำให้ฝ่ายที่โดนกดดันต่างหาทางออกมาตอบโต้อย่างที่เห็น เฉพาะปฏิบัติการเซตซีโร่ กกต.ที่ได้ข้อยุติในชั้นการพิจารณาวาระ 3 โดยที่ประชุม สนช. เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต้องถือว่าสร้างแรงสั่นสะเทือนมากพอสมควร เนื่องจากเวลานี้ได้เกิดความหวั่นไหว หวาดวิตกต่อเนื่องไปยังองค์กรอิสระอื่นๆ ว่าจะโดนเซตซีโร่เกิดเป็นลูกโซ่ แม้งานนี้ คสช.จะมี แม่น้ำ 2 สายที่ทำหน้าที่รับมือกับแรงต้านจากองค์กรอิสระ อยู่ก็ตามแต่ดูเหมือนว่าทั้งองค์กรอิสระ กับ "นักการเมือง" ต่างพากัน"ผนึกกำลัง" เพื่อหาทางต่อต้านดิ้นสู้กับคสช. อย่างเข้มข้นเช่นกัน ! เมื่อมองกลับมาที่พรรคเพื่อไทยเอง ในจังหวะนี้ดูเหมือนว่าอาจเป็น "โอกาสทอง" ที่น่าจะฉวยเอาไว้เพื่อสร้างแต้มต่อทางการเมืองให้ได้มากที่สุด การที่ "พิชัย นริพทะพันธุ์" อดีตรมว. พลังงานและแกนนำพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ออกมาจุดพลุปลุกให้ประชาชนหันกลับมาที่ชื่อชั้น อดีตผู้นำรัฐบาลอย่าง "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นผู้ที่ได้รับการโหวตจากโซเซียลมีเดีย โลว์ เลิฟ ว่าประชาชนอยากให้กลับมาบริหารประเทศอันดับ 1 พร้อมทั้งยังแจกแจงว่าสมัยที่ทักษิณ เคยบริหารประเทศนั้น สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีแค่ไหน เป็นที่พอใจของประชาชนมากน้อยแค่ไหน ดูจะเป็นความจงใจที่คนของพรรคเพื่อไทยกำลังยกทักษิณ ขึ้นมาเปรียบเทียบกับ บิ๊กตู่ ผู้นำรัฐบาลคนปัจจุบัน เพราะรู้ดีว่าแคนดิเดต ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เวลานี้แทบไม่มีชื่ออื่น นอกเสียจากพล.อ.ประยุทธ์ แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้พรรคเพื่อไทยคงไม่ใช่แค่เพียง นั่งอยู่บนภู แล้วทอดตามองถึงความเป็นไปทั้งในทางการเมือง และการบริหารนโยบายของรัฐบาลเท่านั้น หากแต่พรรคเพื่อไทยน่าจะประเมินทิศทางการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งรอบหน้าได้แล้วว่า ที่สุดแล้วความได้เปรียบของพรรคเพื่อไทย คือการชูจุดขาย "นโยบาย" เพื่อเป็น "จุดแข็ง" ขึ้นมาฟาดฟันกับทุกพรรคที่เป็นคู่ต่อสู้ทั้งประชาธิปัตย์ไปจนถึง คสช. ได้อย่างไม่ยากเย็น !