แสงไทย เค้าภูไทย
ม็อบขับไล่บิ๊กตู่ของเด็กทำท่าจะเป็นน้ำเซาะเสาค้ำรัฐบาลกร่อนหัก ทำให้เกิดคำถามว่า จะมีการทำรัฐประหารอีกไหม ? ซึ่งบรรดาขุนทหารพากันส่ายหน้า เหตุว่า เศรษฐกิจย่ำแย่ขนาดนี้ ขืนทำก็ซ้ำเติมอาการหนักลงไปอีก
ขณะที่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทยยังอยู่ในภาวะระวังภัย แต่จากการระบาดซ้ำในจีน ญี่ปุ่น ยุโรปและการระบาดระลอกแรกในสหรัฐ บราซิล เพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้น ทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง
สหรัฐที่เป็นตลาดสำคัญที่ไทยได้เปรียบดุลการค้ามาตลอด อัตราเติบโตลดลงถึง -32.9% ยุโรป -12% จีน -10% ฯลฯ
จีดีพีไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 72% โดยผลิตผลภายในประเทศกว่า 70% เป็นการผลิตเพื่อการส่งออก ที่เหลือแค่ 30% เป็นผลผลิตป้อนตลาดในประเทศ
เมื่อตลาดโลกหดตัวรุนแรง ผลผลิต 70% ก็จะตกค้างในประเทศ กลายเป็นอุปทานส่วนเกิน
ใช่แต่เท่านั้น อุปสงค์ภายในประเทศ 30% ยังจะหดตัวลงอีก เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่รายได้ลดลง จากการ “ลด-ปลด-ปิด” กิจการและโรงงาน
เพื่อลดความเสี่ยงโอเวอร์ซัพพลาย ผู้ประกอบการเลือกที่จะลดกำลังผลิต หยุดผลิต บางรายที่ทนต่อการขาดทุนไม่ไหว ตัดสินใจปิดกิจการ
แม้จะมีการ “เปิดเมือง”ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จนแทบจะเสรีแต่สถานการณ์เศรษฐกิจกลับยังทรงๆไม่ตื่น ไม่ฟื้นตัวตามคาดหมาย
เหตุเพราะการระบาดระลอก 2 ในจีน ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ทำให้การท่องเที่ยวข้ามพรมแดนที่ทำรายได้ให้ไทยปีละ 3.01 ล้านล้านบาท(ปี 2562)ต้องหยุดยาวต่อ
เมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ต ยังคงเหงาต่อ สถานบริการและอุตสาหกรรมต่อเนื่องปิดกิจการกันกว่าอย่างครึ่ง มูลค่าเสียหายนับแสนล้านบาท
เช่นเดียวกันกับภาคการผลิตอื่นๆข่าวโรงงานปิดเกิดขึ้นทุกสัปดาห์ ล่าสุดวันจันทร์มีรายงานว่าโรงงานและกิจการปิดไปแล้วถึง 7,000 แห่ง
คาดว่าสิ้นปีนี้ คนจะตกงานถึง 8 ล้านคน
ยังจะหาจุดต่ำสุดก้นบ่อไม่เจอ หรือถ้าเจอ ก็หามุมเงยไม่ได้ไปอีกนาน
ปรากฏการณ์นี้ จะกินเวลานานถึง 2 ปีเป็นอย่างต่ำ ทำให้มองกันว่า เศรษฐกิจไทยจะแบนราบเป็นรูปตัว L คือตกลงมาบนพื้นแล้วไม่โตไม่ตายไปเป็นเช่นนี้ถึง 2 ปี
ก่อนถึงจุดที่จะเกิดมุมเงย ประชาชนคงทนกันไม่ได้ เหตุด้วยเศรษฐกิจถดถอย (recession)ครั้งนี้จะเข้าสู่ภาวะตกต่ำ ( depression) เต็มตัวในปีหน้า กินเวลายาวเป็นปีๆ
คนไทยจะจนลงถึงขั้น “ยากจนข้นแค้น” เพิ่มเป็นล้านๆคน
ที่บรรดาม็อบมุ้งมิ้ง ตะโกนไล่ “ประยุทธ์ออกไปๆๆๆ” ของบรรดา “เด็กๆ” ก็จะมีคนวัยอื่นๆที่เป็นคนจนข้นแค้นมาเสริมขบวน
เงื่อนไขเรื่องแก้รัฐธรรมนูญปี 60 กับยุบสภาฯ ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดื้อรั้นดึงรั้งไว้ ไม่จำเป็นอีกแล้ว
สถานการณ์เช่นนี้ มีคนกังวลว่า ทหารจะยึดอำนาจอีกครั้ง
คงทำไม่ได้แล้ว บรรดานายพล 80 คนที่จะเกษียณอายุสิ้นกันยายนนี้ ไม่อยู่ในฐานะจะทำเพื่อบิ๊กตู่ได้
ส่วนคนที่จะขึ้นมาแทนที่ ก็ทราบกันว่ามีการวิเคราะห์กันจนตกผลึก ถึงผลที่จะเกิดตามมาแล้ว ไม่มีใครคิดจะทำ
ไม่ใช่ว่าจะทำไม่สำเร็จ เพราะถ้าคิดจะทำก็ทำได้ แต่ทำสำเร็จแล้ว จะเอาใครมาช่วยบริหารเศรษฐกิจ ?
ดูบิ๊กตู่เป็นตัวอย่าง คนดี คนเก่งมีเต็มบ้านเต็มเมือง แต่ไม่มีใครมายุ่งมาช่วย
ทหารจึงสรุปกันเองว่า การจะทำรัฐประหารหรือยึดอำนาจ กระชับอำนาจ จะเป็นการซ้ำเติมให้ประเทศชาติบอบช้ำยิ่งขึ้น
ใครทำจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาปแห่งชาติไปชั่วลูกหลาน ว่านเครือตระกูล