"เขายังไม่ยืนยันชัดเจน ก็ขอให้ทุกคนให้กำลังใจคนที่จะเข้ามาให้ร่วมมือกับรัฐบาล หากไปดักหน้าดักหลังใครจะกล้าเข้ามา ให้เขาเข้ามาพิสูจน์ฝีมือกันก่อน ใครเขาเข้ามาได้ ใครที่มีฝีมือก็ให้เขาเข้ามาทำงาน 6 เดือนหรือ 1 ปี ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้เดี๋ยวก็ปรับใหม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะปรับครั้งเดียวเสียเมื่อไหร่" "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐบาล ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามถึงชื่อ "ไพรินทร์ ชูโชติถาวร" และ "ปรีดี ดาวฉาย" ว่ามีความชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ ว่าจะเข้ามานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ตามที่มีข่าวสะพัดมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยังบอกด้วยว่า การปรับครม. คาดว่าจะเสร็จสิ้นในราวกลางเดือนหน้า คือเดือนส.ค.นี้ น่าสนใจว่า เวลานี้ดูเหมือนว่าพรรคร่วมรัฐบาล ต่างๆ มีความชัดเจน แล้วว่าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล อันดับหนึ่ง จะไม่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้เล่น ใดๆเพื่อลดความวุ่นวาย เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ เอง ที่แม้จะมี "แรงกระเพื่อม" ภายในพรรคเพื่อกดดันให้มีการปรับรัฐมนตรี บางคนออก แล้วเปลี่ยนคนใหม่ เข้าไปแทนที่ แต่ดูเหมือนว่า "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์" ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เลือกที่จะ "ยุติ" ความขัดแย้ง จึงเบรคการปรับครม. ในส่วนของพรรค จนทำให้ "กลุ่มการเมือง" ฝ่ายตรงข้ามในพรรค แสดงความไม่พอใจ ไม่หยุดหย่อน ส่วนพรรครวมพลังประชาชาติไทย เองน่าจะมีความชัดเจนแล้วว่า "เอนก เหล่าธรรมทัศน์" จะได้สลับไปนั่ง "รมว.การอุดมศึกษาฯ" แล้วปล่อยมือจาก "กระทรวงแรงงาน" เพื่อเปิดทางให้ พรรคพลังประชารัฐ ส่งแกนนำเข้าไปนั่ง รมว.แรงงานแทน ในความเป็นจริงแล้ว การเฟ้นหา "ทีมเศรษฐกิจ" เพื่อเข้ามาทำงานแทน "กลุ่มสี่กุมาร" กลายเป็น "ปัญหา" สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ มาโดยตลอด ตั้งแต่ก่อนที่ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" จะลาออกจากรองนายกฯ และ "กลุ่ม4กุมาร" จะยื่นใบลาออกจากรัฐมนตรีพร้อมๆกันทั้ง3 เก้าอี้ โดยหลายครั้งที่ให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยอมรับว่า หลายคนที่มีชื่อ ตนเองก็ได้ไปทาบทาม แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้รับการปฏิเสธ เพราะไม่อยากเข้ามาทำงาน แต่ขอช่วยงานอยู่เบื้องหลังแทนน่าจะดีกว่า ดังนั้นเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณผ่านสื่อมวลชนล่าสุดว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นราวกลางเดือนหน้า จึงอาจเป็นการตอกย้ำว่า ปัญหาที่กำลัง "ติดขัด" นั้นน่าจะอยู่ที่เก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นโควต้าที่นายกฯจะเลือกคนเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง อย่างไรก็ดี หากความชัดเจนการปรับครม.ยังไม่ถึงขั้นสะเด็ดน้ำ ก็อาจจะกลายเป็น "ความหวัง" ให้กับบางกลุ่ม บางก๊วน ในพรรคพลังประชารัฐเอง ว่าอาจจะพอมีลุ้นว่าชื่อชั้นของตนเอง อาจเข้าวิน ได้ตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่งในครม. "ประยุทธ์ 2/2" ก็เป็นได้ เช่นเดียวกันกับที่พรรคประชาธิปัตย์เอง แม้หัวหน้าพรรคอย่างจุรินทร์ เองจะไม่มีการส่งสัญญาณปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีในโควต้าของพรรค แต่ใช่ว่า กลุ่มการเมืองอื่นๆในพรรค จะยอมฟังและทำตาม จนถึงวันนี้ ความเคลื่อนไหวที่ฟากพรรคประชาธิปัตย์ยังคุกรุ่น ไม่แพ้บรรยากาศที่พรรคพลังประชารัฐ ด้วยซ้ำ !