ศึกภายในพรรคพลังประชารัฐ ถึงคราวต้องยุติลงโดยเร็ว เพราะงานนี้ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงมาเล่นเอง ! "นายกฯ บอกไม่อยากให้พูดจารุนแรง เพราะเราก็อยู่ด้วยกันและต้องทำงานด้วยกัน ย้ำว่าผมไม่ได้เจตนาไปไล่หรือพูดจาอะไรไม่ดีกับนายสมคิด แต่หวังดีจริงๆ และสิ่งที่พูดก็เป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากประชาชน และคิดว่านายสมคิดเข้าใจว่าไม่ได้มีแอบแฝงเรื่องการเมืองและไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะวันนี้ปัญหาวิกฤตโควิดและเศรษฐกิจใหญ่จริงๆ" ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกไปตักเตือนจริง หลังจากที่ไปให้สัมภาษณ์พาดพิง ถึง "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี อย่างรุนแรง ถึงขนาดที่มีการออกปากไล่กันทีเดียว ! งานนี้หากส.ส.ชัยวุฒิ ยังไม่หยุด โอกาสที่จะถูกแบน อาจมีสูง เพราะอย่าลืมว่า ไม่ว่า "กลุ่มอำนาจ" ในพรรคพลังประชารัฐ ฝั่งตรงข้าม "กลุ่มสี่กุมาร" จะหึกเหิมกับปฏิบัติการกดดัน จนเป็นฝ่ายบีบ กลุ่มสี่กุมาร จนพ้นจากเก้าอี้หลักๆในพรรคไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ย่อมไม่ได้หมายความว่า พวกเขาเหล่านี้ จะ "เล่นไม่เลิก" ออกโรงมาขับไล่กลุ่มสี่กุมาร แล้วรุกกันต่อบี้ให้พ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรี ก็คงไม่ถูกนัก เพราะสมคิด มีสถานะเป็นถึง "รองนายกฯ" และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐฐบาล ที่สำคัญไปกว่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้เชื้อเชิญรองนายกฯสมคิด มาทำงานในรัฐบาลด้วยกัน หากพล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้ รองนายกฯสมคิด ถูกกระหน่ำจาก "ทหารหน้าค่าย" ไม่เลิกไม่ราต่อไปเช่นนี้โดยไม่ทำอะไร อย่างใดอย่างหนึ่ง จะยิ่งเป็นการซ้ำเติม "ความขัดแย้ง" ภายในพรรคพลังประชารัฐ ให้ขยายกว้างมากขึ้น แน่นอนว่าที่สุดแล้ว ทุกอย่างจะวนกลับมากระทบต่อตัวพล.อ.ประยุทธ์ เองในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพราะเวลานี้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังเซ็งแซ่อยู่รอบนอก ล้วนสะท้อนออกมาว่า กลุ่มสี่กุมาร กำลังเป็นฝ่าย "ถูกกระทำ" จาก "กลุ่มนักการเมือง" จนทำให้ "คนนอก" ที่มีความรู้ "ขยาด" ไม่อยากเข้ามาทำงานร่วมกับรัฐบาล อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง ที่เพิ่งคว้าชัยชนะจากการ "ยึดอำนาจ" ในพรรคจาก กลุ่มสี่กุมาร คนในสังกัดของ รองนายกฯสมคิด กำลังกลายเป็นภาพสะท้อนทางการเมืองที่ไม่อาจละสายตา จาก "คนนอก" ทั้งฝ่ายการเมืองเอง หรือแม้แต่ "เทคโนแครต" หรือ "มืออาชีพ" หลากหลายสาขา โดยเฉพาะบุคคลที่มีชื่อติดโผ ว่าจะได้รับ "เทียบเชิญ" ให้เข้ามาทำงานในรัฐบาล เมื่อการปรับครม. "ประยุทธ์ 2/2" มาถึง การปรับครม. นั้นได้กลายเป็น ไฟท์บังคับ สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ผู้นำรัฐบาลก็ต้องตัดสินใจ ปรับเปลี่ยน "ผู้เล่น" อยู่ดี ยิ่งเมื่อปัญหาและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ตั้งแต่ฐานรากไปจนถึงระดับบน ที่เดือดร้อน บาดเจ็บกันถ้วนหน้า นั่นหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ เองจะต้องเตรียมความพร้อม สร้างบรรยากาศ ควบคุม "การเมือง" ให้อยู่ในความสงบมากที่สุด เพื่อ "เปิดทาง" รอรับคนดีมีฝีมือเข้ามาทำงาน อีกทั้งยังเป็นการแสดงบทบาทของพล.อ.ประยุทธ์ อย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องนั่ง "หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ"แต่อย่างใด !