เสือตัวที่ 6 การแยกตัวเป็นอิสระจากการปกครองของไทยไปสู่การปกครองตนเองอย่างแท้จริงของกลุ่มแกนนำขบวนการร้ายในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทย เป็นจุดหมายปลายทางเชิงยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับรัฐที่ยังคงมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยมีการส่งต่อแนวคิดสุดโต่งนี้จากรุ่นสู่รุ่นอย่างเป็นระบบ และยากที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐจะเข้าไปรบกวนขัดขวางการขับเคลื่อนการปลูกฝังแนวคิดสุดโต่งนี้ได้ ด้วยยุทธศาสตร์การทำให้รัฐบาลแพ้จากภายใน เป็นอีกยุทธศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่เดินคู่ขนานกับยุทธศาสตร์การเอาชนะรัฐ จากภายนอก นั่นคือการอาศัยตัวช่วยจากนานาประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศในทุกรูปแบบ เพื่อแบ่งแยกปกครองตนเองให้ได้ในที่สุด เป้าหมายสำคัญของยุทธศาสตร์ให้รัฐไทย พ่ายแพ้จากภายใน ก็คือ การทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ท้องถิ่น ซึ่งเป็นชาวมลายูปัตตานีที่เป็นมุสลิมส่วนใหญ่ในพื้นที่ 3 จชต. และ 4 อำเภอ ของ จว.ส.ข. ปฏิเสธการเมืองการปกครองของรัฐบาลไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างสิ้นเชิง ด้วยการขับเคลื่อนการปลูกฝังความคิด ความเชื่ออันสุดโต่งโดยไม่มีการประนีประนอมใดๆ กับคนที่เห็นต่าง ใช้บ่มเพาะแนวคิดที่ใช้ยึดเหนี่ยวคนในกลุ่มกันไว้ใน 3 ประการ คือ ชาตินยิมมลายูปัตตานี สังคมภายใต้การสร้างอัตลักษณ์มลายูปัตตานีที่แตกต่างจากคนในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ และความเป็นชาวอิสลามภายใต้ความเชื่อเรื่องญิฮาดในเชิงบูรณาการทั้งในกลุ่มผู้นำศาสนา ประชาชนทั่วไปในพื้นที่ที่มีการดำรงอยู่ของอัตลักษณ์มลายูปัตตานีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว และกลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ทั้งในระบบการศึกษาและนอกระบบการศึกษา การใช้ภาษาเฉพาะถิ่น แบบมลายู เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคนในพื้นที่ จชต. ตลอดจนการศึกษาเชิงเดี่ยวที่มุ่งเน้นศาสนาเป็นหลัก ทำให้เกิดเป็นพลังมวลชนในพื้นที่ที่เข้มแข็งมากพอที่จะพร้อมกันลุกขึ้นเรียกร้องการปกครองตนเอง โดยใช้กลไกของกระบวนการ การกำหนดใจตัวเอง (Right To Self Determination : RSD) เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียกร้องให้คนในพื้นที่ตัดสินใจกันเองว่า จะอยู่กับรัฐไทยหรือจะอยู่กันเอง ตามกติกาสากลที่เปิดโอกาสให้ โดยนักจัดตั้งมวลชน จะใช้เทคนิคการจูงใจให้เชื่อ โดยการบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจว่า กฎบัตร UN ข้อนี้เป็นสิทธิ เสรีภาพขั้นพื้นฐานของการปกครองในระบบประชาธิปไตย ที่ให้สิทธิประชาชนในการเรียกร้อง การปกครองตนเองได้ หรือกำหนดชะตากรรมตนเองของชาวมลายูได้ โดยการสนับสนุนของ UN ทั้งนี้ กลุ่มแกนนำขบวนการแห่งนี้ ได้ศึกษาปรากฏการณ์ Arab Spring เป็นบทเรียน และต้องการให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนั้นในพื้นที่ 3 จชต. หากการขับเคลื่อนอุดมการณ์สัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและหากกลุ่ม ผกร. สามารถขับเคลื่อนงานมวลชนไปสู่การชุมนุมเรียกร้องดังกล่าวได้ จะส่งผลให้สถานการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและเรียกร้องการปกครองตนเองภายใต้เงื่อนไขของการกำหนดใจตนเอง และเมื่อสถานการณ์ลุกลามไปสู่การก่อจลาจล ที่มีการใช้ความรุนแรงระหว่างประชาชนในพื้นที่กับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกินกว่าการควบคุมของรัฐ เพื่อบีบบังคับให้รัฐบาลเข้าสู่สถานะรัฐล้มเหลว และมีความสอดคล้องกับความสำเร็จของยุทธเอาชนะจากภายนอก ที่ประชาคมระหว่างประเทศหรือองค์การประหว่างประเทศ จะได้มีโอกาสเข้าแทรกแซงควบคุมสถานการณ์แทนรัฐบาล และเข้าสู่กระบวนการทำประชามติ แบบ RSD ต่อไปได้ เช่นเดียวกับยุทธศาสตร์ 3 ขั้น ปัจจัยสำคัญที่นำสู่ความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ ทำให้รัฐบาลแพ้จากภายใน ยุทธศาสตร์ของขบวนการร้ายแห่งนี้ ที่ต้องการทำให้รัฐบาลแพ้จากภายใน คือ ความสามารถในการควบคุมมวลชนมลายูด้วยเงื่อนไขความเป็นอัตลักษณ์ปาตานี (ปัตตานี) อย่างเข้มข้น และเข้มแข็ง ภายใต้แนวคิดของชาตินิยมมลายูปาตานี (ปัตตานี) แบบสุดโต่ง การปลูกฝังแนวคิด ความเชื่อแบบสุดโต่งตามแบบของสังคมภายใต้อัตลักษณ์มลายูมุสลิมปาตานี (ปัตตานี) และความเชื่อในอิสลามว่าแผ่นดินปาตานี (ปัตตานี) เป็นดารุลฮัรบี หรือเป็นสงครามญิฮาดในอิสลาม ความเชื่อแบบสุดโต่งทั้ง 3 ได้หล่อหลอมรวมกันเกิดเป็นเงื่อนไขชาตินิยมมลายูปาตานีแบบสุดโต่ง และกลุ่มหัวรุนแรงขึ้นในหมู่ประชาชนมลายูในพื้นที่ แล้วขับเคลื่อนการรับรู้บิดเบือนหลักการการกำหนดใจตนเอง (RSD) ลงสู่ประชาชนมลายูในพื้นที่ว่า เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมลายู มีสิทธิที่จะเรียกร้องกำหนดอนาคตทางการเมืองของคนในพื้นที่ ด้วยคนในพื้นที่ได้เอง โดยผ่านการยอมรับสนับสนุนของนานาชาติ ล้วนเป็นแรงจูงใจให้มวลชนเกิดความหวังและฮึกเหิมมากอย่างไม่สิ้นสุด พร้อมที่จะรับการขับเคลื่อนไปสู่การเรียกร้องต่อรัฐบาลในโอกาสที่อำนวย และสถานการณ์สุกงอมทั้งภายนอกประเทศ และภายในประเทศที่เกื้อหนุนต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นี้ให้สัมฤทธิ์ผล ด้วยการปลูกฝังแนวคิดแบบสุดโต่งดังที่กล่าวมานี้อย่างเข้มข้นต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย