เราวิเคราะห์ไปแล้วว่า มองในด้านเศรษฐกิจแล้ว ยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่จะมีคุณประโยน์ต่อพลโลกดดยองค์รวม เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน แต่ยุทธศาสตร์นี้ก็มีอุปสรรคใหญ่มหาศาลด้วย อุปสรรคแรกคือ ข้อจำกัดทางรัฐชาติ อุปสรรคที่สองคือความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจกันเอง ปัญหาข้อจำกัดทางรัฐชาติ แสดงออกทาง 1.ปรากฏการณ์ชาตินิยมรุนแรง หรือกระทั่งการคลั่งชาติการคลั่งศาสนา การตั้งแง่รังเกียจกันในทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม 2. คุณภาพของรัฐ สำนักข่าวตะวันตกและญี่ปุ่นซึ่งต่อต้านยุทธศาสตร์นี้ กระจายข่าวตีจุดอ่อนของการดำเนินยุทธศาสตร์ในบางพื้นที่บ่อย ๆ เช่นมีข่าวว่าชาวปากีสถานเริ่มรังเกียจทุนจีน , รัฐบาลศรีลังกาเริ่มไม่พอใจจีน ด้วยเหตุผลที่ว่า จีนเรียกดอกเบี้ยจากเงินลงทุนก่อสร้างสาธารณูปโภคสูงมาก จนรัฐบาศรีลังกาแฃะปากีถานไม่มีจะจ่าย ข่าวอย่างนี้ตรวจสอบความถุกต้องแม่นยำได้ยาก แต่ก็มักเชื่อถือเพราะชื่อของสำนักข่าวฝรั่งและญี่ปุ่นมีเครดิทดี แต่เราก็ใคร่จะเตือนว่า ขณะนี้โลกแบ่งขั้วขัดแย้งชัดเจน คือฝ่ายหนึ่งมีสหรัฐอเมริกา นาโต ซาอุดิอารเบีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ฯ ฝ่ายหนึ่งคือ จีน รัสเซีย ข่าวสารในสื่อมวลชนทั่วโลกกำลังต่อสู้กัน ไม่มีข่าวอะไรที่เป็นสัจจะจริงแท้ “ข่าว” ขณะนี้ล้วนเป็นการเมืองระดับโลกทั้งนั้น การให้กู้ทุน และการช่วยเหลือ(ฟรี) ของจีนตามยุทธศาสตร์ OBOR ในด้านรูปธรรม ในบางประเทศในบางโครงการ ย่อมอาจเกิดปัญหาได้บ้าง เราควรพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป ตามหลักการแล้ว ประเทศคู่สัญญากับจีน ควรจะ “ได้” ประโยชน์ทัดเทียมกัน แบบ win win โครงการจึงจะประสบความสำเร็จดี แต่การละเมิดหลักการก็อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งจากรัฐบาล และ/หรือ ข้ารัฐการในประเทศที่คุณภาพต่ำ เช่น เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน และจากธนาคารจีน และ/หรือบริษัทลงทุนของจีน หากเกิดปัญหาขึ้นในโครงการใด เราจึงต้องตรวจสอบให้แน่ว่า ปัญหามันเกิดจากอะไร ? ก่อนที่จะด?ษยุทธศาสตร์ OBOR ว่าเป็นเรื่องเลว ปัญหาอีกเรื่องหนึ่งที่วิพากย์วิจารณ์กันมาก คือวิพากย์กันทำนองว่า จีนกำลังคิดจะขยายอำนาจเพื่อเป็นจ้าวโลก ขยายอำนาจเพื่อจะไปครอบงำประเทศอื่น ข้อนี้ก็รู้สึกว่าจะอคติและหวาดกลัวรัฐบาลจีนจนเกินไป ความประสงค์ของจีนนั้นแจ่มชัดว่า เนื่องจากระบบทุนนิยมโลก ขาดพลังใหม่ที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไปอย่างเข้มแข็ง โลกจำเป็นต้องสร้างพฃังขับดันพลังใหม่ขึ้น พลังนี้ก็อยู่ที่ประเทสกำลังพัฒนาที่อยู่ตามรายทางเส้นทางสายไหมใหม่นั่นเอง การช่วยให้ประเทศเหล่านี้มีสาธารณุปโภคพื้นฐานเจริญขึ้น โลจิสติ์คดีขึ้น ก็จะกระตุ้นการเติบโต(ตลาด)ภายในประเทศเหล่านั้น กระตุ้นการขยายกำลังผลิตในประเทศเหล่านั้น ช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าข้ามประเทศข้ามทวีป ฯลฯ ยุทธศาสตร์นี้จึงอยู่บนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สำหรับเรื่องอิทธิพลต่อโลก ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่หากเศรษฐกิจจีนเติบโตขึ้นมาก อิทธิพลต่อโลกก็ย่อมมากขึ้นด้วย แต่ถ้าจีนไม่คิดจะครอบโลก ไม่คิดให้อำนาจทางทหารคุกคามครอบงำประเทศใด จีนก็ไม่เป็นภัยต่อใคร พูดตรง ๆ ก็คือ ในทางการเมืองการทหาร ตอนนี้จีนยังไม่น่ากลัว