คำว่า "เล่น" พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายไว้ว่า ก. ทำเพื่อสนุกหรือผ่อนอารมณ์ เช่นเล่นเรือ เล่นดนตรีแสดง เช่น เล่นโขน เล่นละคร เล่นงานเหมา สาละวนหรือหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดๆ ด้วยความเพลิดเพลิน เป็นต้น เช่น เล่นกล้วยไม้ สะสมของเก่าพร้อมทั้งศึกษาหาความเพลิดเพลินไปด้วย เช่น เล่นเครื่องลายคราม เล่นพระเครื่อง เล่นแสตมป์ พนัน เช่น เล่นม้า เล่นมวยร่วมด้วย เอาด้วย เช่น งานนี้ขอเล่นด้วยคน เรื่องคอขาดบาดตายเขาคงไม่เล่นด้วยคำ "เล่นการเมือง" คงจะหมายถึงหมกมุ่น สาละวนมากกว่าจะหมายถึง "ทำเพื่อสนุก" เพราะการ "เล่นการเมือง" ในสมัยก่อนนั้นเอากันถึงตายก็มี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยวิจารณ์คำว่า "เล่นการเมือง" ไว้ว่า"ในกระบวนเรื่องแปลกและของแปลกทั้งปวงนี้ เห็นจะไม่มีอะไรที่แปลกประหลาดยิ่งไปกว่าการเมืองในเมืองไทย เรื่องในสภาเกิดเป็นภาวะขบขันขึ้นมาอย่างไรก็ได้กล่าวไปแล้ว แต่เรื่องการเมืองนอกสภานั้นก็ยังแปลกประหลาดไม่น้อย เริ่มต้นก็ด้วยคำศัพท์ว่า "เล่นการเมือง" มีที่ไหนบ้างในโลกนี้ที่เขาถือว่าการเมืองเป็นของเล่น แต่ของเรานั้นก็ยังเล่นกันอยู่ เมื่อเราถือว่าการเมืองเป็นของเล่นกันแล้วก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องเบื่อการเมือง เพราะของเล่นนั้นนานไปก็ต้องเบื่อไปเอง ความรู้สึกเบื่อนั้น ท่านรัฐบุรุษและนักการเมืองในเมืองไทยชอบพูดกันอยู่เสมอจนติดปาก ที่ท่านเหล่านั้นพูดเช่นนั้น อาจเป็นเพียงการออกตัว ไม่ได้มีความหมายอะไรเกินไปกว่านั้น แต่คำพูดของคนที่เป็นแก่นของการเมืองก็ต้องมีความสำคัญอยู่บ้าง จะถือว่าไม่มีสาระอะไรเสียเลยก็ไม่ได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือโรคเบื่อการเมืองนั้นเริ่มแผ่ซ่านออกไปจนเดี๋ยวนี้แม้ชาวบ้านผู้เลือกตั้งนั้นก็เริ่มบ่นว่าเบื่อการเมืองเช่นเดียวกันและตรงนี้เองที่เราเริ่มมาถึงขีดอันตราย นับตั้งแต่เราได้ย่างเท้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเข้ามา การเมืองน่าจะได้รับความสนใจจากคนทั้งปวงเป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ที่มีการศึกษา แต่การก็กลับโอละพ่อไปในทางตรงกันข้าม การเมืองกลายเป็นของเล่นที่มีภัย เป็นของต้องห้ามที่มีเงื่อนไขหรือเทศกาลให้เล่นเหมือนกับประทัดหรือดอกไม้ไฟหรือผู้หญิง ไม่ใช่ของที่เล่นกันได้โดยทั่วไปและทุกเวลา.... ภาวะขบขันและเรื่องแปลกประหลาดต่างๆ ก็เห็นจะยังอุบัติกันไปเรื่อยๆ นานๆ ก็รัฐประหารกันเสียที แต่ก็เห็นจะไม่มีวันนองเลือดได้ เพราะเราต้องไม่ลืมว่า คนไทยเราไม่ได้เอากันจริงๆ ในทางการเมือง เราเล่นการเมืองกันเท่านั้น ฉะนั้นการรัฐประหารซึ่งเป็นการกระทำทางการเมืองอย่างหนึ่ง จึงเป็นการเล่นเหมือนกัน แล้วก็อย่าไปลืมเสียด้วยว่า คนไทยเรานั้นขี้เล่น" (ลงวันที่ 27 มกราคม 2492 จากหนังสือ "คึกฤทธิ์ว่า") คนชั้นบนที่มีอำนาจบารมีพอให้เข้าสู่วงการการเมืองทั้งในอดีตปัจจุบันและอนาคตนั้น ก็ยัง "เล่นการเมือง" อยู่ หมายถึงว่า "เล่น"เพื่อผลประโยชน์ของตนและพวกพ้องชนชั้นนำที่มีอำนาจในทุกรัฐบาลไม่มีอุดมคติอะไรหรอกครับเขา "เล่น" กันเท่านั้นแหละแต่ชาวบ้านที่ไม่มีวาสนาบารมีอะไร กลายเป็นคนเอาจริงเอาจัง หมายถึงเป็นพลไพร่ออกหน้าไปสงคราม ไปต่อสู้กันเอง แล้วชนชั้นนำนั่งคอยอำนาจบารมีเมื่อฝ่ายตนชนะ "ไพร่พล" คนเล็กคนน้อย ทั้งหลาย เราเลิกเล่นการเมืองกันเถิด แล้วมาเอาจริงเอาจัง ศึกษาการเมืองให้เข้าใจ ปลิดพวกปลิงที่"เล่นการเมือง" ทิ้งไปเสีย