ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า การเตรียม "ลับมีดรอ" ชำแหละ "รัฐบาล" กันกลางเวทีสภาผู้แทนราษฎร หาก "ความพยายาม" และ "แรงกดดัน" ของ "พรรคฝ่ายค้าน" มีน้ำหนักมากพอ ที่จะทำให้ รัฐบาล ยอมให้ไฟเขียว เปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ ขึ้นจริง ! แต่ดูเหมือนว่า ความหวังของ "พรรคร่วมฝ่ายค้าน" เลือนลางลงไปทุกที เพราะนอกจากรัฐบาล ของ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไม่ยอมสนองตอบแล้ว ยังปรากฎว่ามี "แกนนำ" ทั้งในรัฐบาลและจากพรรคพลังประชารัฐเอง ต่างออกมาส่งสัญญาณแรงชัดว่ายังไม่จำเป็น ล่าสุดทำให้พรรคฝ่ายค้านต้องหาทางเปลี่ยนเกม ปรับรูปแบบใหม่ ! เมื่อช่องทางในการขอเปิดสภาฯสมัยวิสามัญ มีอันต้อง "พับ"ลงไปอย่างน่าเสียดาย เพราะคงไม่ต้องถามว่าส.ส.และ ส.ว. จะยอมให้ความร่วมมือด้วยการร่วมลงชื่อ ขอเปิดสภาฯสมัยวิสามัญ นั่นหมายความว่า พรรคฝ่ายค้านต้องไปสู้กันที่ "นอกสภาฯ" แทน พรรคก้าวไกล โดย "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรค แถลงข่าวที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้นำรายชื่อ 25 ส.ส.ยื่นหนังสือต่อ "ชวน หลีกภัย" ประธานสภาฯ เสนอญัตติด่วนให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณและมาตรการแก้ไขปัญหาภายใต้วิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้วันนี้จะดูเหมือนว่า บทบาท และ "การนำ" ของหัวหน้าพรรคที่ชื่อ พิธา อาจจะไม่โดดเด่นชนิด เปรี้ยงปร้างเท่ากับเมื่อคราว "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" เคยดำเนินมาก่อน เมื่อวันเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ จนถึงวันสุดท้ายที่ถูกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ "ยุบพรรค" มาแล้วก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่า สำหรับพิธา แล้วเขาเองอาจต้องเพิ่มความระมัดระวังตัว บนเส้นทาง ทางการเมืองจากนี้ให้มากกว่าที่ผ่านมา โดยนำเอาสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ มาเป็นบทเรียน และที่สำคัญเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้กำหนดให้ "รัฐบาล" และ "ระบบการแพทย์" ของไทย เล่น "บทนำ" จึงไม่ใช่เวลาของ "นักการเมือง" ไปโดยปริยาย ดังนั้นการที่พรรคก้าวไกล พลิกเกมกลับมาดำเนินบทบาทของการตรวจสอบการบริหารจัดการ ตลอดจนการใช้เม็ดเงินงบประมาณ ของรัฐบาลในการแก้ปัญหาไวรัสโควิด ด้วยการเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯขึ้นล่าสุด คือสิ่งที่ถูกทิศถูกทางมากที่สุด อย่างไรก็ดี ในขณะเดียวกันยังต้องไม่ลืมว่า ขณะที่พรรคก้าวไกล กำลังเดินหน้าเล่นบท "ฝ่ายตรวจสอบ" รัฐบาล ด้วยการใช้กลไกฝ่ายนิติบัญญัตินั้น "คณะก้าวไกล" ที่นำโดยธนาธร และ "ปิยุบตร แสงกนกกุล" อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เองก็ต้องไม่ทำอะไรที่เรียกว่า "ล้ำเส้น" จนกลายเป็น "จุดอ่อน" ถูก "ฝั่งตรงข้าม" หยิบไปใช้เป็น "อาวุธ" เพื่อโจมตี ไปจนถึง "เอาผิด" ทั้งคณะก้าวไกล จนกระทบไปถึง พรรคก้าวไกล ทำให้ชะตากรรมของพรรคการเมือง ที่รับไม้ต่อจากอนาคตใหม่ มีอันต้องปิดฉากตามลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลานี้ เมื่อแกนนำคณะก้าวไกล อย่างปิยบุตร เปิดฉากวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งองคมนตรี จนถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจหรือไม่ ล้อไปกับการจัดกิจกรรมเรี่ยไรรับบริจาคผ่านโซเชี่ยลระดมทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19กับความจงใจโยนตัวเลข 24และ 75 ที่ถูกนำไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ทางการเมือง ล้วนแล้วเป็นเรื่องที่เปราะบาง สุ่มเสี่ยง จะพากันตายหมู่ทั้งคณะก้าวไกล กับพรรคก้าวไกลทั้งสิ้น !