ทีมข่าวคิดลึก
ในขณะที่รัฐบาลของ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังเร่งหาทางกู้วิกฤติเศรษฐกิจ อย่างขมักเขม้นอยู่นั้นปรากฏว่าได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อเกิดเหตุระเบิด ถึง 2 ลูก บริเวณห้างบิ๊กซี อ.เมือง จ.ปัตตานี มีผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยกันหลายสิบราย ส่งผลให้สถานการณ์ด้านความมั่นคงของรัฐบาล ตกอยู่ในสภาพที่เปราะบางขึ้นมาทันที
เหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซี ใน อ.เมืองจ.ปัตตานี เกิดขึ้นในช่วงเย็นของวันที่9 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้กลายเป็นฝันร้าย ที่ทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.ปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียงอยู่ในสภาพอกสั่นขวัญแขวน ไปตามๆ กัน พร้อมกันนี้ฝ่ายความมั่นคงได้พยายามสืบหาเบาะแส สอบสวนที่มาที่ไปของรูปแบบการก่อเหตุ ลักษณะระเบิดเพื่อควานหาตัวผู้ต้องหา ที่ลงมือก่อเหตุ
นั่นหมายความว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ต้องหาทางรับมือกับการแก้ไขปัญหาทั้งเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้ปัญหาปากท้องของประชาชน กลายเป็น "ระเบิดเวลา" ที่จะกดดันรัฐบาลอย่างหนักแล้ว อีกทางหนึ่งรัฐบาลยังต้องหาทางรับมือและแก้ไขสถานการณ์ด้านความมั่นคง อันสืบเนื่องจากเหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซี ใน จ.ปัตตานี ไปในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ที่กระทบความมั่นคงในลักษณะเช่นนี้ ส่งผลให้ฝ่ายทีมพูดคุยสันติภาพและหน่วยข่าวของกองทัพเองต้องทำงานหนักมากขึ้นเนื่องจากการลงมือก่อการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีครั้งนี้ได้มีการวางแผนเอาไว้อย่างดี และที่สำคัญยังใช้ความโหดเหี้ยม เลือกก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่มีฝูงชนหนาแน่น มีเป้าหมายมุ่งทำลายทั้งทรัพย์สินและชีวิตผู้คนขณะเดียวกันยังเลือกสถานที่ที่เป็นห้างสรรพสินค้า เพื่อหวังเขย่าบรรยากาศทางธุรกิจ
สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการเวลานี้คือการเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะด้านความมั่นคงซึ่งฝ่ายตรงข้าม ต้องการทั้งทำลายทรัพย์สิน ชีวิตผู้คน รวมทั้ง เครดิตของรัฐบาลเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเอง ได้พยายามส่งสัญญาณให้เห็นว่าการพูดคุยสันติภาพ นั้นมีสัญญาณในทางที่เป็นบวกก็ตาม
ความท้าทายที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเผชิญหน้านั้น แน่นอนว่ายังไม่สิ้นสุดแค่เพียงที่เสียงระเบิดจากห้างบิ๊กซี ใน อ.เมือง จ.ปัตตานีเท่านั้น เพราะการลงมือที่อุกอาจของผู้ก่อเหตุครั้งนี้ ต้องการสะท้อน ให้เห็นถึงจุดอ่อนของฝ่ายรัฐบาลที่มีอยู่และฝ่ายตรงข้ามมองเห็นจนสามารถนำไปใช้ลงมือได้ในที่สุด
การเคลื่อนไหวของรัฐบาลต่อการเดินหน้าเชิงรุกเพื่อเร่งแก้ปัญหาใหญ่ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงล้วนแล้วแต่เป็นภารกิจที่ต้องทำโดย เร็ว ตลอดจนต้องอาศัยปัจจัยแวดล้อมด้วยกันหลายด้าน หลายภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน
เพราะไม่เช่นนั้นแล้วรัฐบาลจะยิ่งต้องเจอกับแรงกดดันอย่างหนักหน่วง ในห้วงจังหวะที่เข้าสู่โค้งสุดท้ายของโรดแมป แม้หากจะหวังร่นการเลือกตั้งให้เกิดขึ้นเร็วเท่าใด ก็ยังไม่อาจดำเนินการได้ อีกด้วยต่างหาก
ด้วยเหตุนี้จึงดูเหมือนว่าสถานการณ์ที่รัฐบาลเป็นต่อ อาจเหลือเพียงมิติเดียว นั่นคือการกุมอำนาจ และความเหนือกว่าทางการเมือง ต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้าม !