ประเด็นร้อนๆที่มาเสิร์ฟกันตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เช้าวันจันทร์ที่ 27 เม.ย.ต้องบอกเลยว่าทั้งเรื่องความเคลื่อนไหวทาง "การเมือง" ไล่ล้อไปกับการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยมี "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ "ผู้อำนวยการศูนย์ศบค." นั่งเป็นประธาน เมื่อด้านหนึ่งมีข่าวลือที่สะพัดกันไปไกลถึงขั้นที่ว่า "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ เตรียมเปิดปฏิบัติการ "ยึดพรรค" ! จนผู้สื่อข่าวต้องไปถามเอาคำตอบจาก บิ๊กป้อม ก่อนที่เจ้าตัวจะบอกว่า "ยังไม่มีอะไร" สืบเนื่องมาจากมีรายงานว่า ในการประชุมพรรคพลังประชารัฐเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีบางกลุ่มบางก๊วน ในพรรคเคลื่อนไหวขอเปลี่ยนตัว "หัวหน้าพรรค" กันขึ้น และแถมยังไม่ใช่แค่จะเปลี่ยน เพียงเก้าอี้เดียว งานนี้ยังมีข่าวว่าพ่วง "เก้าอี้แม่บ้านพรรค" อีกหนึ่งตำแหน่ง เมื่อหัวหน้าพรรคคือ "อุตตม สาวนายน" และ "แม่บ้านพรรค" คือ "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" ล้วนแล้วแต่เป็นคนในสังกัดของ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี ทั้งสิ้น โดย "แรงกดดัน" ที่ต้องการให้เปลี่ยนตัวผู้เล่นรอบนี้รายงานข่าวแจ้งว่า มาจากกลุ่มการเมืองที่ใกล้ชิดกับ บิ๊กป้อม นั่นเอง และหากปฏิบัติ "บีบ" อุตตม ออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สำเร็จลุล่วงแล้ว ข่าวยังระบุอีกว่า บิ๊กป้อม จะก้าวเข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคแทน รวมทั้งยังมองการณ์กันไปไกล ถึงขั้นที่ "ปรับครม." ที่อาจมีขึ้นในเดือนมิ.ย.นี้ ก็จะถึงคราวได้ปรับเปลี่ยน "รัฐมนตรี" ไปในคราวเดียวกัน ในความเป็นจริงแล้ว ข่าวลือในลักษณะนี้ ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น และหากมองย้อนกลับไป ก็จะพบว่า แท้จริงแล้ว "ตัวละคร" ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในวันนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็น "คนกลุ่มเดิม" ไม่ว่าจะเป็น "ฝ่ายที่กดดัน" และ "ฝ่ายที่โดนกดดัน" อย่างไรก็ดี น่าสนใจว่า วันนี้ "2ป." ทั้ง "บิ๊กป้อม" และ "ป.ประยุทธ์" ก็อยู่ในสถานะที่ "เหนือพรรค" มาโดยตลอด และดูจะเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันในทางพฤตินัย แต่ขณะเดียวกัน การกดดัน รัฐมนตรีในสังกัดของ รองนายกฯสมคิด นั้นก็มีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง "อุตตม-สนธิรัตน์" การเข้ายึดพรรคพลังประชารัฐของบิ๊กป้อม ตามที่มีข่าวลือสะพัด นั้นจะเกิดขึ้นเป็นจริง หรือไม่ อาจยังไม่ใช่ในเวลานี้ ในจังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังทำหน้าที่ "แม่ทัพใหญ่" บัญชาการรบสู้ศึกกับไวรัสโควิด-19 จนทำให้วันนี้ เกิดผลเป็นที่น่าพอใจ เมื่อประเทศไทย สามารถ "เอาอยู่" ยิ่งเมื่อ ศบค.แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ในประเทศไทยประจำวันที่27เม.ย.แสดงให้เห็นว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในหลัก "เลขตัวเดียว" โดยมีเพียง 9 ราย ดังนั้นเมื่อในจังหวะนี้ ทั้งบิ๊กตู่ และ "ระบบสาธารณสุข" ของไทย คือ "พระเอก" ต้องเร่งทำงาน เพื่อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย อยู่ในระดับที่ "วางใจได้" จึงยังไม่ใช่เวลาของ "การเมือง" ที่จะออกมา "ขยับ" หรือเคลื่อนไหวอย่างใด อย่างหนึ่งแน่นอน ยิ่งเมื่อ "มติวิปรัฐบาล" ออกมาชัดเจน ว่า "ไม่มีความจำเป็น" ที่จะต้องตามใจ "ฝ่ายค้าน"ด้วยการเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ ยิ่งตอกย้ำว่า มิติของการเมือง กำลังถูก ลดความสำคัญลงไป อย่างที่เห็น เพราะปัญหาใหญ่ที่รอ พล.อ.ประยุทธ์ จากนี้ไปจะอยู่ที่เมื่อมีการต่ออายุพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1เดือนแล้ว การออกมาตรการ "คลายล็อค" จะเป็นอย่างไรบ้าง และเมื่อคลายล็อคไปแล้ว การแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 จะกลับมาโจมตีประเทศไทย อีกระลอกหรือไม่ !?