เสือตัวที่ 6 สถานการณ์ไวรัสมรณะ Covid-19 ที่กำลังหยุดโลก ณ วันนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า สงครามล้างเผ่าพันธุ์ของมวลหมู่มนุษยชาติในยุคศตวรรษที่ 21 นี้ เป็นสงครามทำลายล้างมนุษยชาติจากธรรมชาติที่มาจากพัฒนาการของเชื้อโรคไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ไปจนไม่เหลือร่องรอยเก่าให้นักชีวะวิทยาชั้นนำของโลก สามารถแกะรอยพันธุกรรมของไวรัสร้ายตัวนี้ จนสามารถเอาชะ หรือยังยั้งโรคร้ายนี้ได้ทันท่วงที ทำให้ ณ วันนี้ ไม่มีนักชีวะวิทยา หรือนักวิทยาศาสตร์ นักการแพทย์หน้าไหน หาญกล้ามาประกาศอย่างเต็มปากเต็มคำว่า เป็นผู้รู้จักไวรัส Covid-19 นี้อย่างแท้จริง ทุกอย่างที่เป็นข้อมูลส่งผ่านมาให้คนในโลก จึงเป็นเพียงข้อสันนิฐานที่คลุมเครือ เหล่านี้จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ชีวิตผู้คนทั่วโลก ตกอยู่ในอันตรายอย่างเท่าเทียมกัน หายนะของมนุษยชาติกำลังคืบคลานมาหา ถาโถมเข้าใส่ผู้คนทุกประเทศในโลกนี้ โดยไม่เลือกประเทศรวยหรือประเทศยากจน ไม่เลือกแม้ว่าจะเชื่อถือพระเจ้าองค์ใด ไม่เลือกศาสนาหรือชาติพันธุ์ใด ไม่เลือกว่าจะเป็นคนในประเทศแถบภูมิภาคใดในโลก ทุกชีวิตมีโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อของไวรัสร้ายตัวใหม่นี้อย่างเสมอหน้ากัน และไวรัสตัวใหม่นี้ ได้หยุดทุกกิจกรรมบนโลกใบนี้ให้หยุดนิ่งไม่ว่าเขาเหล่านั้น จะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม จากตัวเลขของผู้ที่ติดเชื้อ ไวรัส Covid-19 ที่ขยายตัวไปจนถึงหลักแสนในทุกมุมโลก และยอดผู้เสียชีวิตที่พุ่งทะยานสูงขึ้นจนน่าสะพรึงกลัว ทำให้ผู้นำทุกประเทศต่างวิตกกังวลในการนำพาเพื่อนร่วมชาติฝ่าฟันไวรัสร้ายตัวนี้ไปได้ และไวรัสร้ายตัวนี้ กำลังหยุดโลกในทุกมิติในโลกนี้ ไม่ว่ามิติทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ ทางสังคมวัฒนธรรม และการดำรงอยู่ของคนบนโลกอย่างสุขสบายเช่นที่ผ่านมานี้ อาจสิ้นสุดลงบนความยากลำบากอย่างแสนสาหัสในเวลาอันไม่ช้านี้ ซึ่งนั่น จึงทำให้ทุกประเทศในโลกใบนี้ ต่างหยุดต่อกรหรือสู้รบซึ่งกันและกันอย่างสิ้นเชิงในทุกมิติ เพราะกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายตัวเดียวกันที่มีความร้ายกาจที่สุดเท่าที่โลกเคยเผชิญมา แล้วหันกลับมาหาทางเอาชีวิตรอดร่วมกันของมวลหมู่มนุษยชาติอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน การเอาชนะคะคานกันของคนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใดในโลกใบนี้ แม้จะมีความแค้นเคืองกันมากมายสักเพียงใด แต่ต้องถูกบังคับให้ต้องหยุดสู้รบห้ำหั่นกัน จากน้ำมือของไวรัส Covid-19 โรคร้ายที่ติดต่อกันง่ายดายจากคนสู่คน ด้วยลมหายใจเข้าออกที่มนุษย์ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากน้ำมือของ ไวรัส Covid-19 จึงทำให้ทุกชีวิตและทุกท้องถิ่นบนโลกใบนี้ ต่างมีภัยคุกคามรูปแบบใหม่ตัวเดียวกัน ซึ่งนั่น จึงบีบบังคับให้ทุกดินแดน ต่างต้องทำทุกวิถีทางที่จะต้องเอาตัวรอดก่อนเป็นลำดับแรก โดยละทิ้งอุดมการณ์ทั้งหลายที่เคยถูกเสี้ยมสอนมา แล้วหันกลับมามองภัยใกล้ตัวจากไวรัสตัวนี้ที่ทุกชีวิตมีโอกาสติดเชื้อเท่าๆ กัน ซึ่งนั้น จะเป็นเหตุปัจจัยสำคัญให้ประเทศที่มีฐานะร่ำรวย หรือมีสมรรถนะด้านวิทยาศาสตร์สูงกว่า มีระบบสาธารณะสุขที่ก้าวหน้า ย่อมมีโอกาสมากกว่าในการนำพาชีวิตผู้คนในดินแดนของตนผ่านพ้นไวรัสร้ายตัวนี้ไปได้อย่างหืดขึ้นคอ ในขณะเดียวกัน กลุ่มคนในดินแดนที่ยังมีฐานะยากจน มีสมรรถนะด้านวิทยาศาสตร์ต่ำ มีระบบสาธารณะสุขที่ล้าสมัย ย่อมตกอยู่ในสถานะที่ยากลำบากยิ่ง ในการเผชิญหน้ากับโรคร้ายตัวนี้ไปได้ เพราะผู้นำกลุ่มคนในดินแดนที่มีสถานะในด้านต่างๆ ในระดับที่อ่อนด้อยดังกล่าว ย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ได้ว่า พวกเขายังไม่มีความพร้อมแม้แต่จะรักษาชีวิตผู้คนของพวกเขาให้รอดพ้นหายนะจากสงครามที่ไม่หลั่งเลือดครั้งนี้ไปได้ และนั่น จะเป็นบทเรียนอันชัดเจนว่า การที่กลุ่มคน ไม่ว่าจะเป็นที่ใด คิดจะแยกกันอยู่อย่างโดดเดียวเป็นเอกเทศ โดยไม่มีความพร้อมไม่ว่าจะเป็นมิติใด ทั้งยังไม่สามารถยืนอยู่บนขาตัวเองได้อย่างแท้จริง ย่อมเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน เพราะไม่มีความเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำรงอยู่ในโลกยุคใหม่นี้ ย่อมต้องการพันธมิตรและการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันของเพื่อนบ้านอย่างไม่เลือกเชื้อชาติและศาสนา และไวรัส Covid-19 กำลังสั่งสอนบทเรียนอันแสนสาหัสดังกล่าวนี้ ให้ทุกกลุ่มคนในโลกใบนี้ให้รู้ซึ้งถึงการอยู่ร่วมกันมากกว่าการแยกตัวเป็นอิสระ เพราะใครก็ตามที่ยังหลงยุค ติดกับดักอยู่แต่เรื่องราวในอดีต ทั้งยังเสี้ยมสอนให้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ติดกับดักกงล้อแห่งประวัติศาสตร์เดิมๆ จนไม่อาจก้าวข้ามไปสู่โลกยุคใหม่ได้ คนกลุ่มนั้น ก็จะถูกทำลายล้างอย่างน่าอเนจอนาถด้วยความร้ายกาจของไวรัส Covid-19 ยิ่งคนในขบวนการร้ายปลายด้ามขวานของรัฐ ไม่สนโลกโดยยังก่อเหตุร้ายทำลายความสงบสุขในพื้นที่อยู่มากเท่าใด ย่อมส่งผลให้ผู้คนในพื้นที่ เล็งเห็นถึงความบ้าคลั่งอุดมการณ์อันล้าหลังอย่างไม่น่าให้อภัย รวมถึงยังคงปลุกระดมบ่มเพาะแนวคิดแปลกแยก สร้างความเห็นต่างให้เกอดขึ้นกับคนในพื้นที่กับรัฐมากขึ้นเท่าใด ย่อมสะท้อนความเป็นตัวตนของบรรดาแกนนำขบวนการร้ายแห่งนี้ ให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่เห็นว่า การขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐที่ผ่านมา เป็นเพียงเรื่องหลอกลวงให้คนในพื้นที่เห็นพ้องและสนับสนุนอย่างเลื่อนลอยไร้จุดหมาย และชี้ให้เห็นว่า การต่อสู้กับรัฐนั้น ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของใครกันแน่ บทเรียนอันแสนสาหัสจาก ไวรัส Covid-19 นี้ กำลังสั่งสอนทุกชีวิต ทุกกลุ่มคนบนโลกใบนี้ รวมทั้งกลุ่มคนในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทยให้เห็นความสำคัญของการอยู่ร่วมกันเป็นปึกแผ่นมากกว่าการแยกตัวเป็นอิสระ เพราะมันชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บรรดาแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนจากรัฐ ไม่สามารถนำพาทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ รอดพ้นจากภัยคุกคามตามธรรมชาติครั้งนี้ไปได้เลยแม้แต่น้อยโดยปราศจากการช่วยเหลือจากรัฐ ในทางกลับกัน บทเรียนจาก ไวรัส Covid-19 กำลังสั่งสอนคนในพื้นที่ปลายด้ามขวานว่า พวกเขา ยิ่งต้องการการดูแลจากรัฐส่วนกลางไม่ว่าจะเป็นมิติทางงบประมาณ บุคลากรและสิ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์และการสาธารณะสุขที่ทันสมัยและเพียงพอ เพราะวิกฤติจากหายนะ ไวรัส Covid-19 ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกต่อไป การตอบสนองความต้องการทั้งหลายดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอยู่บนความเป็นปึกแผ่นกับรัฐ เพื่อให้พี่น้องทุกชีวิตในดินแดนแห่งนี้ สามารถรอดพ้นจากมหาวิกฤติของโลกครั้งนี้ไปได้อย่างแท้จริง