วันนี้ (11 ก.พ.63) บรรดา “แม่ทัพนายกอง”ของพรรคพลังประชารัฐ ได้พากันนัดหมายรับประทานอาหารมื้อเที่ยงเพื่อพบปะพูดคุยกัน โดยมีทั้ง “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล “สุชาติ ชมกลิ่น” ประธานส.ส.พรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งแกนนำกลุ่มกทม. คาดว่าประเด็นหลักๆที่จะหารือกันบนโต๊ะอาหารคือการ เตรียมพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 14-26 ก.พ.นี้
แน่นอนว่าวาระทางการเมืองที่เป็น “คิวล่วงหน้า” รอรับ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่การกระทรวงกลาโหม ด้วยญัตติการซักฟอกรอบนี้ คือ “ไฮไลต์” ที่ “6 พรรคฝ่ายค้าน” ได้ตระเตรียมการกันมาพักใหญ่ แม้จะรู้ดีว่าญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ย่อมไม่ถึงขั้นที่จะ “โค่น”รัฐบาล ของพล.อ.ประยุทธ์ ได้ก็ตาม
แต่อย่างน้อยที่สุด “6พรรคฝ่ายค้าน” ต้องทำหน้าที่ “เปิดแผล” ในสภาผู้แทนราษฎร ให้ได้มากที่สุด เพื่อหวังให้ “แนวร่วมรบ” บรรดากลุ่มการเมืองภาคประชาชน นำไป “ขยายผล” กันต่อที่นอกสภาฯ จะด้วยผ่านอีเว้นท์การเมือง ว่าด้วย “วิ่ง ไล่ ลุง” ที่จัดโดยบรรดาพันธมิตรการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ในคราวแรก ที่สวนรถไฟ ในกทม.
การตระเตรียมกำลังพล กำลังส.ส. ทั้งทีมที่ต้องรับมือกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในเวทีสภาฯ ซึ่งต้องนำบทเรียน จากการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน เมื่อครั้งที่ผ่านๆมา จากวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา รวมทั้งวันที่สภาฯมีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563
เพราะฝ่ายรัฐบาลเองจะได้เห็นฝีไม้ลายมือ ของส.ส.พรรคฝ่ายค้านแล้วว่าดุเดือดเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน มากพอที่ “องครักษ์พิทักษ์” ทั้งตัวพล.อ.ประยุทธ์ และ อีก “2 ป.”คือ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้หรือไม่ ?
ในระหว่างนี้ แม้พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลจะสามารถคลี่คลาย “วิกฤติ” ที่โถมเข้ามาในจังหวะเดียวกัน ทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ และล่าสุดคือการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงสนธิกำลังร่วมกันไล่ล่า “จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา” จ่าทหารที่คลั่งใช้อาวุธหนักไล่กราดยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่จ.นครราชสีมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต ทั้งสิ้น 30 ราย บาดเจ็บกว่าครึ่งร้อยคน
แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลจะไม่ถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือการที่ ณ เวลานี้พรรคพลังประชารัฐ เองซึ่งกลายเป็นพรรคการเมืองแกนนำรัฐบาล พรรคเดียวที่ถูกโดดเดี่ยวอยู่กลางสภาฯ เนื่องจากในญัตติไม่ไว้วางใจ ไม่ปรากฎ “รัฐมนตรี” จาก “พรรคร่วมรัฐบาล” เลยสักคนเดียว
มิหนำซ้ำลำพังการตั้งองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ ในสภาฯ นั้นยังไม่เพียงพอ เพราะ จนถึงนาทีนี้ พรรคพลังประชารัฐ ยังต้อง “เดาทาง” ว่า “ข้อสอบ”ของ “6พรรคฝ่ายค้าน” ที่จะนำมาอภิปรายฯนั้น เป็นประเด็นเดิม ๆที่เคยเสนอผ่านสื่อ มาแล้ว หรือจะมี “เรื่องลับ” ที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ต้องอยู่ในอาการ “นั่งไม่ติด”
ด้วยเหตุนี้ “สุภรณ์ อัตถาวงศ์” ส.ส.นครราชสีมา ของพรรค จึงต้องประกาศตั้ง “วอร์รูมนอกสภาฯ” พร้อมทั้ง “ขู่” ว่าวอร์รูมชุดนี้ไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ป้อนข้อมูลให้กับ “ทีมในสภาฯๆ” เท่านั้น
แต่ยังเตรียม “จัดหนัก” ไปถึง “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งถือเป็น “หัวใจหลัก” ของพรรคเพื่อไทย ไปจนพรรคเล็กฝ่ายค้านที่แตกหน่อออกมาจากพรรคเพื่อไทย อีกด้วย งานนี้จึงเปรียบเหมือนการ “แลกหมัด” ของ “พรรคพลังประชารัฐ” กับ “พรรเพื่อไทย” เพื่อต่างพิทักษ์ “นายใหญ่” ของตัวเอง !