แม้จะเป็นเดือนแห่งความรัก แต่บรรยากาศของประเทศไทยยามนี้ ไม่เอื้ออำนวยให้หวานสักเท่าไหร่ เริ่มจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่2019 ที่แม้มาตรฐานการสาธารณสุขของไทยจะเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 6 ของโลก ข้อมูล ณ วันที่ 7 ก.พ.ตัวเลขของผู้ป่วยติดเชื้อในไทยยังคงที่อยู่ที่ 25 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 9 คน อีก 16 คนอาการดีขึ้น ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่กระนั้น ความวิตกกังวลยังคงปกคลุมประชาชนส่วนใหญ่ ขณะที่บรรยากาศทางการเมือง ก็เขม็งเกลียวขึ้น ด้วยในวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีพร้อมรัฐมนตรีอีก 5 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ "บิ๊กตู่" นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม" รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือ "บิ๊กป๊อก"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ดอน ปรมัตวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะเดียวกันก็เกิดกรณีแทรกซ้อน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ปมเงินกู้191 ล้านบาทในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ทำให้นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้แถลงจุดยืนของพรรคว่า ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีผลการวินิจฉัยอย่างไร ยุบหรือไม่ยุบพรรค จะเดินหน้าในการอภิปรายต่อไป ซึ่งในกรณีที่ถูกยุบตนและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค จะเดินสายอภิปราย 6 รัฐมนตรีนอกสภาฯ คู่ขนานในสภาฯ เนื่องจากในการอภิปรายครั้งนี้พรรคมีประเด็นใหม่ ๆ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และมั่นใจยังสามารถคุมเสียง ส.ส.ของพรรคได้ เพราะมีการตระเตรียมพรรคสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว และเมื่อหันมาดู ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงวันวาเลนไทน์ในปี 2563 ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ไปสำรวจจากตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ 1,234 คน ระหว่างวันที่ 27 ม.ค.-2 ก.พ.63 ว่า คาดจะมีมูลค่าการใช้จ่าย 3,246.97 ล้านบาท ลดลง 1.23% จากปีก่อนที่มีมูลค่าการใช้จ่าย 3,701.22 ล้านบาท และเป็นมูลค่าต่ำสุดในรอบ 7 ปี หากพิจารณารายละเอียดพบว่า ประชาชนมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่ 1,814 บาท ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 2,318.96 บาท โดยกลุ่มที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดคือ กลุ่มเจนวาย (เกิดปี 2524-2543) เฉลี่ย 2,205 บาทต่อคน รองลงมาเป็น เจนเอ็กซ์ (เกิดปี 2508-2523) 1,766 บาท, เบเบี้มูมเมอร์ (เกิดปี 2489-2507) 1,532.6 บาท และเจนแซด (เกิดหลังปี 2543) 810.53 บาท สำหรับสาเหตุที่ใช้จ่ายลดลง เป็นเพราะราคาสินค้าสูงขึ้น เศรษฐกิจไม่ดี รายได้ลดลง ประหยัด/วางแผนการใช้เงิน มีหนี้สินเพิ่มขึ้น รวมถึงได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา, ฝุ่น PM 2.5 เป็นต้น โดยกิจกรรมและการซื้อสินค้าที่ใช้จ่ายสูง เช่น เที่ยวในประเทศ เฉลี่ย 5,597 บาทต่อคน, ไปบ้านแฟน 2,146 บาท, ซื้อของขวัญ 1,411 บาท, ทานข้าวนอกบ้าน 1,384 บาท, เดินห้าง 923 บาท, ซื้อดอกไม้ 591 บาท, ช็อกโกแลต 455 บาท, ดูหนัง 433 บาท เป็นต้น ส่วนของขวัญที่ต้องการจากคู่รักมากที่สุดคือ การบอกรัก, ของขวัญ, พาไปรับประทานอาหาร, ดอกไม้, ช็อกโกแลต เป็นต้น เมือต่อภาพจิ๊กซอว์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ก็จะพบว่า วาเลนไทน์ปีนี้ไม่คึกคัก และไม่หวานเท่าไหร่นัก