ดร. วิชัย พยัคฆโส
[email protected]
รัฐบาลโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เริ่มผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้ชุมชน จังหวัด รวมถึงผู้ประกอบการ SMES ใช้เทคโนโลยีค้าขายด้วยระบบออนไลน์ หรือ E-Commerce เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้มูลค่าการตลาดเพิ่มขึ้นทุกวัน
ด้วยยอมรับว่าสินค้าออนไลน์อยู่ในยุคสมัยของโลกยุคใหม่ ค้าขายกันข้ามโลกข้ามประเทศได้ ประชาชนต่างเริ่มนิยมใช้การซื้อขายผ่านออนไลน์ที่มีให้เลือกไม่ต้องเดินทางไปยังร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าแถมส่งถึงบ้าน ราคาถูกกว่า เพราะผู้ผลิตไม่ต้องสะต๊อกสินค้า ไม่เสียค่าโฆษณา แถมส่วนมากไม่ต้องเสีย
ภาษีซื้อภาษีขาย (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) รวมถึงภาษีรายได้นิติบุคคลประจำปีอีกด้วย
การที่กรมสรรพกรเริ่มใช้กระบวนการให้ได้มาภาษีซื้อ-ขาย และภาษีรายได้นิติบุคคลน่าจะชอบแล้ว เพราะการดำเนินธุรกิจมีรายได้ต้องชำระภาษีให้รัฐบาลนำไปพัฒนาประเทศ เพราะมูลค่าเกือบ 2.5 ล้านล้านบาท มีผู้ประกอบการมากกว่า 5 แสนราย หากเก็บภาษีเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ก็มีมูลค่า
เกือบ 2 แสนล้านบาทเข้าไปแล้ว ไม่รวมภาษีรายได้นิติบุคคล ซึ่งภาษีเหล่านี้สามารถมาช่วยพัฒนาประเทศได้มากยิ่งขึ้น
ประเด็นอยู่ที่ว่ากรมสรรพกรจะตรวจสอบมูลค่าและบังคับใช้กฎหมายได้อย่างไร ทั้งกลุ่มธุรกิจซื้อขายกับรัฐมากกว่า 3 แสนล้านบาท กลุ่มธุรกิจซื้อขายกับธุรกิจ มูลค่ามากกว่า 2 แสนล้านบาท และธุรกิจซื้อขายตรงกับผู้บริโภคประมาณ 2 แสนล้านบาท จึงเป็นโจทย์ให้กรมสรรพกรขยายเพดานการเก็บภาษี
ได้มากขึ้น
การที่จะใช้วิธีการล่อซื้อทางอินเทอร์เน็ต แล้วหาทางตรวจสอบคงทำได้บางส่วนแบบสุ่มตรวจ ยิ่งทำให้ธุรกิจออนไลน์อาจลดหายไป วิธีที่น่าสนับสนุนคือการออกกฎหมายให้ธุรกิจออนไลน์จดทะเบียนการค้าก่อนเช่นเดียวกับการจดทะเบียนการค้ากับกระทรวงพาณิชย์
ระบบต่างๆ แบบไทยๆ เรามักจะแก้ปัญหาปลายเหตุ คือปล่อยให้มีปัญหาแล้วมาตามแก้ด้วยมาตรการต่างๆ รวมถึงมาตรการทางกฎหมาย กระทรวงพาณิชย์น่าจะทราบอยู่ เพราะพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อยด้วยระบบออนไลน์ แต่คงขาดการบูรณาการกันระหว่างหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับปัญหาของชาติบ้านเมืองในหลายๆ เรื่องที่แก้ยากถ้าปล่อยปัญหาให้เรื้อรัง
ขอสนับสนุนให้ออกกฎหมายประมวลรัษฎากร ให้ผู้ประกอบการต้องจดทะเบียนการค้าและชำระภาษีอย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับผู้มีรายได้ทุกประเภท เพราะทุกคนต้องมีส่วนช่วยให้ประเทศสามารถมีงบประมาณมาพัฒนาประเทศได้มากยิ่งขึ้น ประเด็นนี้คงอยู่ในยุทธศาสตร์การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมของยุทธศาสตร์ชาติอีกด้วย
อย่างไรก็ตามการจะบังคับใช้กฎหมายใดๆ พึงสร้างความเข้าใจกับประชาชนและผู้เกี่ยวข้องให้เข้าใจวัตถุประสงค์ และแนวทางการดำเนินงาน อย่างมีช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะบังคับใช้กฎหมายเพราะผู้คนเข้าใจว่าซื้อของออนไลน์ไม่ต้องเสียภาษี เพื่อมิให้เกิดปัญหาความขัดแย้งหรือคัดค้านกันภายหลัง ดังเช่นหลายๆ โครงการ
ที่ประชาชนและชุมชนคัดค้านไม่เห็นด้วยดังปรากฏอยู่เนื่องๆ
ขอสนับสนุนนโยบายรัฐบาล เรื่องใดที่อยู่นอกระบบควรนำเข้ามาอยู่ในระบบ จะเป็นมาตรการที่จะสร้างวินัยกันตั้งแต่เริ่มต้น มิฉะนั้นจะเกิดความเหลื่อมล้ำและการเอาเปรียบระหว่างสังคมจะยิ่งขยายกว้างมากขึ้น สิ่งที่ถูกต้องและไม่เอาเปรียบประชาชนทำเถอะครับ