ความเคลื่อนไหว “นอกสภาฯ” ของ “แฟลชม้อบ” โดย “พรรคอนาคตใหม่” ที่เพิ่งยุติลงไปเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แน่นอนว่า งานนี้ย่อมมี “ภาคต่อ” ทั้งจากฝ่ายพรรคอนาคตใหม่เอง ที่นัดหมาย “มวลชน” มาแสดงพลังกันรอบหน้า ที่งาน “วิ่ง ไล่ ลุง” 12 ม.ค.2563 รวมทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่เองที่ต้องดำเนินการตามกรอบกฎหมาย เพราะอย่าลืมว่า การชุมนุมนั้นต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ล่าสุด “พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์” ผบก.น.6 ระบุว่าขณะนี้ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐาน ว่าการกระทำของแกนนำผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร ส่วนการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบเข้าข่ายละเมิด พ.ร.บ.การชุมนุมฯ นั้น มีความผิดชัดเจนอยู่แล้ว เพราะไม่มีการมาแจ้งการชุมนุม แต่ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ไม่น้อยไปกว่า ฟากที่ยืนประจันหน้ากับรัฐบาล นั่นคือ “ความเปลี่ยนแปลง” ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐ อันมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั่งเป็น “ประธานยุทธศาสตร์พรรค” กำลังส่งสัญญาณให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายใน เพื่อ “อุดช่องโหว่” ในปัญหาเดิม ไปพร้อมๆกับการรับมือ “ความร้อนแรง” ทางการเมืองในรอบใหม่ มีรายงานข่าวว่า ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ พลังประชารัฐ จะมีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม. หนึ่งในวาระที่จะได้รับการเสนอ และกำลังถูกจับตามองอย่างมาก คือการปรับเปลี่ยนรายชื่อ “กรรมการบริหารพรรค” โดยจะมีการจัดสรรตัวแทนส.ส.แต่ละภาคเข้าไปมีสัดส่วนในกรรมการบริหารพรรค และเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่กำหนดให้มีได้ถึง 45 คน แล้วยังพบว่า ในรอบนี้ เก้าอี้ของ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค ดูจะถูกสั่นคลอน ไม่น้อย เมื่อมีชื่อ “เสี่ยแฮ้งค์” อนุชา นาคาสัย ส.ส. ชัยนาท ในฐานะรองประธานยุทธศาสตร์พรรค หนึ่งในแกนนำกลุ่มสามมิตร คือบุคคลที่มีชื่อเบียดไหล่ สนธิรัตน์ เพื่อจ่อขึ้นมานั่งเก้าอี้ “เลขาฯพรรคคนใหม่”แทน ! อย่างไรก็ดีมีรายงานว่า หลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีความเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการเปลี่ยนตัวเลขาฯพรรค มาแล้ว แต่เนื่องจากกระแสการเมืองภายนอก มีความเข้มข้น จึงทำให้เรื่องราวในพรรคพลังประชารัฐ ถูกกลบลงไป โดยปัญหาที่มีการเสนอให้เปลี่ยนตัวเลขาฯพรรค จากสนธิรัตน์ ไปเป็น อนุชา นั้นเป็นผลพวงมาจากความต้องการของ พล.อ.ประวิตร เองที่ต้องการแก้ไขปัญหา “เสียงปริ่มน้ำ” ให้ดีขึ้น เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์ของฝ่ายรัฐบาล ยังล่อแหลม และต้องอาศัยเสียงจาก “งูเห่า” นอกพรรค ไปตลอด คงเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ ที่ผ่านมาสนธิรัตน์ เองยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่สามารถประสานกับส.ส. กลุ่มต่างๆภายในพรรค ได้ดีนัก จนทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำกันเอง ขณะที่มีแรงสนันสนุน อนุชา ซึ่งเคยเป็นส.ส. มาก่อนว่าจะสามารถหน้าที่นี้ได้ดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้ สนธิรัตน์ เองก็รู้สึกร้อนใจอยู่ไม่น้อย การจัดทัพภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ อาจเป็นเพียงแค่ ช็อตแรกเพราะอย่าลืมว่า แม้จะมีรายงานว่า หัวหน้าพรรคยังเป็นคนเดิมที่ชื่อ “อุตตม สาวนายน” แต่ก็ใช่ว่า หลายต่อหลายคนจะเลิกลุ้น รอจับตาว่า เมื่อใด “หัวหน้าพรรคตัวจริง” จะปรากฎตัว และที่สำคัญ จะชื่อ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จริงหรือไม่ !?