สถาพร ศรีสัจจัง
แล้วสังคมไทยก็ต้องสูญเสียบรมครูผู้เปี่ยมเต็มไปด้วยจิตวิญญาณรัก เมตตา ผู้รักวิทยาการล้ำลึกแห่งท้องฟ้าทั้งหลายสูญเสียนักดาราศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ ขณะที่นักต่อสู้เพื่อปลดปล่อยจิตวิญาณมนุษยชาติได้สูญเสียศิลปินยิ่งใหญ่ผู้ยืนหยัดเป็นสะพานให้คำทิพย์อมตะที่เรียบง่าย งดงาม เปี่ยมเต็มไปด้วยสัจจะแห่งชีวิตและจักรวาลผ่านข้ามท่านมาเปิดดวงตาให้ได้เห็น “รัศมีอันขลัง” ของ “ความรัก” ฯลฯ
ศาสตราจารย์ ดร.รวี ภาวิไล ราชบัณฑิต และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์(2549) นักดาราศาสตร์รุ่นบุกเบิกนามอุโฆษ ที่วงการหนังสือรู้จักกันในฐานะ “ผู้เบิกตัว” นำความคิดอันลุ่มลึกงดงามของมหากวีแห่งโลกชาวเลบานอนคือ “คาลิล ยิบราน” ให้เป็นที่รู้จักในสังคมไทยมาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2500
นั่นคือการแปลวรรณกรรมอมตะชิ้นสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของโลกเรื่อง “The prophet” ที่เขียนโดยคาลิล ยิบราน จากภาษาอังกฤษมาเป็นพากย์ไทย โดยผู้รู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายต่างสรุปตรงกันว่า สามารถใช้ภาษาและรักษา “อารมณ์กวี” ตามต้นฉบับเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด แบบที่มหากวีชาวไทย คืออัศนี พลจันทร์ หรือ “นายผี” เคยให้ความเห็นไว้ว่า ไม่ใช่เป็นการแปลแบบทำให้งานกวีนิพนธ์ที่ยิ่งใหญ่กลายเป็น “สิ่งสามานย์” ไป
คุณูปการของอาจารย์ระวี ภาวิไลต่อสังคมไทยในหลากฐานะนั้นมีมากมาย ทั้งเป็นผู้บุกเบิกด้านดาราศาสตร์คนสำคัญที่สุดคนหนึ่ง(เช่นการเขียนหนังสือเรื่อง ดาวหาง ดาราศาสตร์ และ อวกาศ เป็นต้น) เป็นผู้ศึกษาสืบสานและเผยแผ่พุทธธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นอย่างเอาการเอางานมาตลอดห้วงชีวิต เป็นผู้ทำให้สังคมไทยรู้จักความคิดอันลุ่มลึกแบบพราหมณ์ด้วยการแปลมหากวีนิพนธ์ “สาธนา” ของท่าน “คุรุเทพ” ชาวอินเดีย เซอร์ ระพินทรนาถ ฐากูร นักเขียนรางวัลโนเบลคนแรกของเอเซียเป็นพากย์ไทย ฯลฯ
เฉพาะการ “ทำ” หนังสือ “The prophet” จากพากย์ภาษาอังกฤษมาเป็นพากย์ไทยเพียงเรื่องเดียว ที่จนถึงบัดนี้ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่แล้วกว่า 17 ครั้ง ก็นับเป็นบุญคุณต่อประเทศเล็กๆที่แสนจะล้าหลังขาดแคลนทางพุทธิปัญญาอย่างประเทศนี้ควรจะจารึกนามท่านไว้ให้เป็นที่ประจักษ์เนิ่นนานไปได้แล้ว!
ตามประวัติ อาจารย์ระวีพบต้นฉบับหนังสือ “The propret” (ที่มีอยู่เพียงเล่มเดียวในเมืองไทยขณะนั้น)ครั้งแรกในห้องสมุดจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เมื่อปีพ.ศ.2489 ท่านเล่าว่าเปิดอ่านได้เพียง 4-5 หน้าก็เกิดความประทับใจ จึงจัดหาสมุดปกแข็งขนาดกลางมาเล่มหนึ่ง แล้วบรรจงคัดลอกต้นฉบับด้วยความตั้งใจ โดยคัดลงเฉพาะบนกระดาษหน้าขวาของสมุด เว้นหน้าซ้ายว่างไว้ จากนั้นจะไปไหนก็พกพาไปอ่านโดยตลอด เมื่ออ่านจนตกผลึกทางความคิด และเกิดคำไทยผุดพรายขึ้นในใจแล้ว จึงเริ่ม'ทำ'ออกเป็นพากย์ไทย และส่งไปตีพิมพ์ ด้วยความหวังให้คนไทยได้รู้จัก “ของดี” บ้างในหนังสือพิมพ์รายวันชื่อ “นครสาร”
ภายหลังกวีหญิงคนสำคัญของไทย คือท่านอาจารย์ประคิณ ชุมสาย หรือ “อุชเชนี” (ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์) ได้นำไปจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มเป็นครั้งแรกเมื่อพ.ศ.2504 ในนาม สนพ.บริการทอง แต่เนื่องจากเป็นหนังสือประเภท “มาก่อนกาล”ของสังคมไทย จึงไม่ได้รับการตอบสนองจากตลาดหนังสือมากนัก ภายหลังเมื่อสำนักพิมพ์ศึกษิตสยามของ ส.ศิวรักษ์นำมาจัดพิมพ์ใหม่ในปีพ.ศ.2511 จึงได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากคนหนุ่มสาว “นักแสวงหา” ในช่วงยามนั้น
หลังจากแปลเรื่อง “The propret” เป็นพากย์ไทยในชื่อ “ปรัชญาชีวิต” จนระบือไปทั่วแล้ว ท่านยังแปลงานชิ้นสำคัญของมหากวีคาลิล ยิบรานอีกหลายเล่ม ที่สำคัญ เช่น “ปีกหัก” (The broken wing) และ ทรายกับฟองคลื่น(Sand And foam) เป็นต้น
ในชั้นหลัง งานด้านหนังสือของอาจารย์ระวี นอกจากด้านดาราศาสตร์แล้ว ท่านยังได้สร้างสรรค์งานวรรณศิลป์ชิ้นสำคัญๆไว้ประดับบรรณภิภพอีกหลายชื่อเรื่อง ส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวกับ “คุณค่าด้านใน” ของชีวิต ที่สำคัญ เช่น “คุณค่าชีวิต” / “ชีวิตดีงาม”/ “ความสงัด”/ “รู้สึกนึกคิด” เป็นต้น
ท่านอาจารย์ระวี ภาวิไลละสังขารไปอย่างสงบ ด้วยวัย 92 ปี เมื่อเวลา 01.15 นาฬิกาของวันที่ 17 มีนาคม 2560 ทิ้งเหลือเพียงผลงานอมตะ “ปรัชญาชีวิต” และงานสร้างสรรค์วรรณศิลป์ที่เด่นล้ำไปด้วยคุณค่าชิ้นอื่นๆ ไว้เป็นมรดกทางปัญญาของสังคมไทยสืบไปอีกนานเท่านาน...