เสือตัวที่ 6
สถานการณ์น้ำท่วมสูงถึง 2 เมตร แทบมิดหลังคาในหลายพื้นที่ จชต. ทำให้หน่วยงานภาครัฐเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนและเต็มกำลัง อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายเอกรัฐ หลีเส็น ลงพื้นที่เป็นการด่วน เมื่อวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. พร้อมมอบข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ให้กับประชาชนผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพไปอาศัยอยู่ที่มัสยิด โดยที่หนักและน่าเป็นห่วงคือที่ตันหยงมัส ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการคมนาคมสำคัญของ อ.ระแงะ ต้นกำเนิดลองกองตันหยงมัสที่โด่งดังไปทั้งประเทศ ดังนั้น หน่วยงานของรัฐจึงได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือที่เทศบาลตำบลตันหยงมัสอย่างเร่งด่วน โดยระดมทรัพยาการของรัฐทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ เพื่อให้การดูแล บรรเทาทุกข์ให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่แห่งนี้ จากผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่ไม่มีใครจะบังคับได้ ความทุกข์ยากจากน้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้หลายครอบครัวในพื้นที่ปลายด้ามขวานได้รับความเดือดร้อน หลายครบครัวมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ เมื่อน้ำท่วมสูง ทำให้ยากแก่การเคลื่อนย้ายและอพยพ หน่วยงานภาครัฐ จึงได้เข้าไปมอบอาหารและน้ำเพื่อการดำรงชีวิตเป็นการชั่วคราว ตลอดจนการให้การดูแลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้อย่างเต็มกำลัง พร้อมนำเรือออกช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมติดตั้งเครื่องปั่นไฟเพื่อให้แสงส่องสว่าง สำหรับพื้นที่ที่มีดินสไลด์ถล่มปิดทับเส้นทาง ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ติดภูเขา แต่ละจุดทางหน่วยงานภาครัฐได้ส่งเครื่องจักรกลหนักเข้าคลี่คลายสถานการณ์
ทั้งนี้ กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และเด็กทารก เป็นเป้าหมายสำคัญที่ต้องเร่งค้นหาเพื่อให้ความช่วยเหลือช่วงน้ำท่วมใหญ่ โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ได้ตั้งศูนย์ประสานงานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อาคารอำนวยการ ชั้น 1 ศอ.บต. ในอำเภอเมืองยะลา มีการมอบหมายให้บัณฑิตอาสา นักประชาสัมพันธ์ และเครือข่ายวิทยุในแต่ละพื้นที่ สำรวจข้อมูลและความต้องการความช่วยเหลือของผู้ประสบภัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง กลุ่มของผู้ป่วยที่จะต้องได้รับการฟอกไต และกลุ่มของเด็กแรกเกิดที่ต้องการนมผง หรืออาหารเสริมต่างๆ เป็นการเร่งด่วน โดยล่าสุด จังหวัดนราธิวาส ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ว 11 อำเภอ จาก 13 อำเภอ ได้แก่ อ.สุไหงโกลก อ.สุคิริน อ.สุไหงปาดี อ.ระแงะ อ.ยี่งอ อ.จะแนะ อ.เมืองนราธิวาส อ.รือเสาะ อ.ศรีสาคร อ.แว้ง และ อ.ตากใบ จำนวน 49 ตำบล 209 หมู่บ้าน 39 เขตเทศบาล มีผู้ประสบภัยในวงกว้างมากถึง 30,573 คน จำนวน 16,051 ครัวเรือน และมีการอพยพประชาชนในพื้นที่ อ.สุไหงโกลก ไปยังโรงเรียนเทศบาล 4 จำนวนทั้งสิ้น 150 คน 36 ครัวเรือน โดยทางรัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยย่างใกล้ชิด และได้เน้นย้ำให้หน่วยงานภาครัฐทุกส่วน ทุกอำเภอให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัยทุกระยะผ่านสื่อทุกช่องทาง
เหล่านี้คือสิ่งบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ในท่ามกลางความเดือดร้อน ทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นด้วยภัยจากน้ำมือมนุษย์กล่าวคือผลกระทบบาดเจ็บล้มตายของคนในพื้นที่ หรือภัยตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง หรือน้ำท่วม ตลอดจนความเดือดร้อนจากการดำรงชีวิตที่มีผลจากภาวะเศรษฐกิจ การค้าขายของคนในพื้นที่แห่งนี้ หน่วยงานภาครัฐจะเร่งเข้าไปให้การดูแล รักษา เยียวยา บรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เหล่านั้นให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว ด้วยการระดมทรัพยากร เครื่องมือ เครื่องจักร ตลอดจนสั่งใช้เงินงบประมาณของรัฐอันเป็นเงินจากภาษีของพี่น้องประชาชนไทยทั้งประเทศ มาให้การแก้ไขปัญหาให้คนในพื้นที่ซึ่งเป็นประชาชนไทยด้วยกันแม้จะมีความคิด ความเชื่อ หรือวิถีทางในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันโดยจะเร่งให้การดูแลแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างไม่ลังเลใจ
ในขณะที่คนในขบวนการแบ่งแยกผู้คนและมุ่งแต่จะก่อความรุนแรง สร้างความเลวร้ายให้เกิดในพื้นที่แห่งนี้ กลับไม่มีความคิดที่จะเข้าช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนที่มักจะถูกแอบอ้างว่าเป็นพวกของตนเอง ให้รอดพ้นจาการความทุกข์ยากแสนสาหัสจากภัยธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย นอกจากคนในขบวนการจะไม่มีมโนสำนึกในการเข้าช่วยเหลือคนในพื้นที่แล้ว ในทางตรงข้าม คนในขบวนการร้ายแห่งนี้ กลับยุยงปลุกปั่นคนในพื้นที่ที่ได้รับการดูแลแก้ไขปัญหาจากรัฐ ให้เข้าใจเจตนาอันบริสุทธิ์ของรัฐไปผิดๆ เพื่อสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นอยู่ต่อไปอย่างน่าละอาย ทั้งยังไม่ยอมลดละเจตนาร้ายที่หวังจะทำลายล้างคนเห็นต่างอยู่ต่อไปโดยไม่เกรงกลัวต่อบาป และโทษทัณฑ์ที่จะได้รับ ซึ่งนั่นก็เชื่อได้ว่า หากเมื่อใดสถานการณ์น้ำท่วมหมดไป คนในพื้นที่ก็จะยังคงใช้ชีวิตอย่างทุกข์ยากอยู่ต่อไป จากภัยของน้ำมือผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ถูกล้างสมองจากแกนนำในขบวนการแห่งนี้
ถึงวันนี้ พี่น้องประชาชนในพื้นที่จึงสามารถแลเห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า บนความทุกข์ยากจากภัยธรรมชาติครั้งแล้วครั้งเล่า ล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์เจตนาได้ว่า คนของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาคพลเรือน ทหาร ตำรวจ ก็จะเป็นหน่วยงานแรกๆ ที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ขจัดทุกข์ยากที่คนในพื้นที่ได้รับโดยไม่คิดแปลกแยก และด้วยความพร้อมของรัฐที่มีเครื่องมือของรัฐอย่างสมบูรณ์ยิ่ง ทั้งยังตั้งอยู่บนหลักคิดที่ว่าคนในประเทศนี้ จักต้องได้รับการดูแลอย่างเสมอภาคกันไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ส่วนใด ไม่ว่าจะมีความเชื่อทางศาสนาใด และไม่ว่า คนเหล่านั้น จะคิดกับคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ หรือคนของรัฐอย่างไร หากแต่ภารกิจในการช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติไทยด้วยกันของคนของรัฐ ล้วนเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด และต้องทำทุกวิถีทางให้ทุกข์ภัยเหล่านั้นหมดสิ้นไปโดยเร็ว แม้จะเป็นภัยที่เป็นธรรมชาติ และภัยจากน้ำมือผู้ร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน คนของรัฐ ก็จะดำเนินการอย่างเต็มกำลังต่อไป แต่กระนั้น ภารกิจที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งดังกล่าว จะไม่อาจสำเร็จลุล่วงไปได้โดยง่าย หากไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นท่อย่างจริงจัง นั่นก็หมายความว่า ทั้งประชาชนในท้องถิ่นต้องตาสว่าง หันมาเดินเคียงข้างกับคนของรัฐ เพราะรัฐพร้อมที่จะอยู่และเดินเคียงข้างพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ภารกิจการนำความสงบสุข ความเจริญก้าวหน้าให้กลับคืนมาสู่ดินแดนแห่งนี้ให้เป็นผลสำเร็จดังที่ทุกชีวิตในพื้นที่แห่งนี้ปรารถนาได้อีกครั้งหนึ่ง