ทีมข่าวคิดลึก
เรียกว่าเป็นความเสียหาย กระทบกับ "ความเชื่อมั่น" อยู่ไม่น้อย เมื่อปฏิบัติการติดตามตัว "ผู้ต้องหา"ที่ชื่อ"พระธัมมชโย" อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายของฝ่ายรัฐบาล โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ต้องยุติลงพร้อมด้วยการคว้าน้ำเหลวเพราะไม่สามารถหาตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีได้ทั้งที่ทำการปิดล้อมพื้นที่วัดยาวนานกว่า 20 วัน มิหนำซ้ำยังกลาย เป็นว่าดีเอสไอ และฝ่ายรัฐบาล กลับ ถูกโจมตีเสียเองว่า รู้ทั้งรู้ว่าภายในวัดไม่มีผู้ต้องหา อดีตเจ้าอาวาสวัดดัง ได้หลบหนีออกไปแล้ว
ล่าสุด ยังปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องเผชิญกับกรณีเรื่องกระแสที่ว่าจะมีการขึ้นภาษีแวต สืบเนื่องมาจากรัฐบาลถังแตก ยิ่งกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ ทั้งรัฐบาลและ คสช.โดนถล่มหนักจากฝ่ายพรรคเพื่อไทยเนื่องจากต้องไม่ลืมว่าประเด็นปัญหาเรื่องของปากท้องประชาชน เรื่องภาวะเศรษฐกิจ คือเรื่องใหญ่ มีความเปราะบาง ต่อทุกๆ ฝ่าย
กว่าที่ทีมโฆษกรัฐบาล, คสช.ตลอดจน ฟากกระทรวงการคลังต้องออกมาตั้งโต๊ะชี้แจง แถลงข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน ก็แทบทำเอา พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลแทบ ซวนเซ
เรื่องราวว่าด้วยการบริหารจัดการของรัฐบาล เพิ่งซาลงไปทั้งปมวัดพระธรรมกาย และประเด็นด้านเศรษฐกิจ แต่ล่าสุดพลันเกิดดราม่าเรื่องใหม่ เมื่อ "เสรีสุวรรณภานนท์"ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)
ออกมาโยนโจทย์ใหม่ ว่า สปท.การเมือง จะไม่เสนอให้ใช้ "การนิรโทษกรรม" ในการแก้ปัญหา แต่เสนอให้ใช้เรื่องการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองและกระบวนการให้โอกาสทางคดีอาญาแก่ผู้กระทำผิด อาทิ การรอลงอาญา การถอนฟ้อง การจำหน่ายคดีชั่วคราวแลกกับการไม่ไปปลุกม็อบสร้างความวุ่นวาย นำมาใช้ในคดีความผิดเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองทุกประเภท แต่ไม่ครอบคลุมถึงความผิดทุจริต "มาตรา 112" และความผิดเกี่ยวกับ "ความมั่นคงของประเทศ"
เพียงข้ามวัน จึงเกิดรายการตอบโต้ จาก "คนเสื้อแดง" ตามมาทันควัน เมื่อ "นพ.เหวง โตจิราการ"ออกมาตั้งคำถามกลับว่า การชงข้อเสนอของ สปท.การเมือง ในลักษณะเช่นนี้ กำลังส่งสัญญาณ ให้ความช่วยเหลือ คนที่ทำความผิด ในคดี "ยึดสนามบิน-ทำเนียบฯ" ใช่หรือไม่ นั่นก็คือ "กลุ่มเสื้อเหลือง" ถือเป็น ศัตรูคู่อาฆาตของคนเสื้อแดง
แน่นอนว่าสิ่งที่ นพ.เหวง สะท้อนออกมาครั้งนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่คนเสื้อแดง ในฐานะ "คู่ขัดแย้ง" ทางการเมืองกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกลุ่มกปปส. มวลมหาประชาชน ที่เคยเคลื่อนไหวโค่นล่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ชินวัตร ย่อมไม่มีทาง "รับได้"สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นและดำเนินอยู่เช่นนี้ย่อมไม่ต่างไปจากภาพสะท้อนที่มีความย้อนแย้ง กันอยู่ในที !
ด้านหนึ่งปลุกให้เกิดการสร้างความปรองดอง กับทุกพรรคทุกกลุ่มทุกเสื้อสี แต่อีกทางหนึ่งกลับกลายเป็นว่า แม่น้ำในมือพล.อ.ประยุทธ์กลับเป็นฝ่าย เปิดวาระร้อนๆ ขึ้นมาเป็นระลอก จนทำให้ "คู่ขัดแย้ง" อยู่ในความหวั่นไหวและไม่แน่ใจว่า ที่สุดแล้วการสร้างความปรองดอง กับเงื่อนไขต่างๆ จะกลายเป็นเครื่องสกัดกั้นและฝังทั้งพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง เอาไว้ข้างหลังเท่านั้นหรือไม่ !?