เวลา14.00 น. ของวันที่ 20 พ.ย.62 องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคของพรรคอนาคตใหม่ ว่าสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) เนื่องจากถือหุ้นสื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หรือไม่
แน่นอนว่าทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธนาธร และ “พรรคอนาคตใหม่” ไม่ว่าจะเป็น “กองเชียร์” หรือ “กองแช่ง” ต่างจะต้องจับตารอลุ้นว่าที่สุดแล้ว “ชะตากรรม” ทางการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร ของธนาธร จะสิ้นสุดลงหรือไม่
เพราะไม่ว่าผลจะออกมาในทิศทางใด ก็ล้วนแล้วแต่จะส่งผลในทางการเมือง ตามมาได้ทั้งสิ้น ทั้งต่อตัวธนาธร เองไปจนถึง พรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะหากผลออกมาในทาง “ลบ” แม้พรรคจะยังไม่ถูกยุบ แต่ความระส่ำระสายจะผุดขึ้นทันที
อย่าลืมว่า ความเป็นพรรคอนาคตใหม่ นั้นยึดโยง อยู่กับธนาธร เป็นสำคัญ !!
สถานการณ์ของตัวธนาธร และพรรคอนาคตใหม่เองนั้น ดูเหมือนว่า “แกนนำ”ในพรรคเองต่างก็อยู่ในอาการ “ทำใจ” กันบ้างแล้ว โดยเฉพาะเมื่อ “พรรณิการ์ วานิช” โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ถึง “เส้นทาง” ของธนาธร หลังวันที่ 20 พ.ย.โดยระบุว่า
“ ผลจะออกมาทางไหนก็ได้ เราคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งแม้จะออกมาทางไหนก็ตาม ไม่ได้หมายความว่านายธนาธรจะต้องหยุดการทำงาน เพียงแต่จะเป็นการทำงานในรูปแบบไหน ถ้าได้สถานะส.ส.ก็ทำงานในรูปแบบส.ส. แต่ถ้าไม่มีตำแหน่งส.ส. ก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 งานก็ดำเนินต่อไป”
หมายความว่า หากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยคดีถือหุ้นสื่อของธนาธร ออกมาในทางที่เป็น “บวก” ธนาธร จะเดินหน้าบนเส้นทางส.ส.ต่อไป แต่หากผลออกมาในทางตรงกันข้าม ธนาธร ก็จะยังไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่จะเล่น ในบทบาทที่เปลี่ยนไป และน่าสนใจว่า บทบาทที่ว่านั้นย่อมมีความสำคัญ มากไปกว่าสิ่งที่พรรณิกาณ์ โฆษกพรรคระบุ เพราะสนามที่เหลืออยู่ของธนาธร เมื่อสิ้นสภาพการเป็นส.ส. คือการ “ส่งไม้ต่อ” ให้กับ “ทายาทลำดับ” ต่อไป ให้ก้าวขึ้นมาแทน
แต่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ “ใคร” จะกล้าเข้ามารับไม้ต่อจากธนาธร และจะแน่ใจได้อย่างไรว่า คนที่มาใหม่ จะสามารถทำหน้าที่ “จุดพลุ” ให้พรรคอนาคตใหม่ “แจ้งเกิด”เหมือนกับที่ธนาธร เคยทำสำเร็จเอาไว้มาก่อนหน้านี้ จนเป็นที่มาของการได้ส.ส.มากถึง 81 ที่นั่งทั้งที่เพิ่งลงสนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มี.ค.62 เท่านั้น
มีรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ส.ส.ตลอดจนอดีตผู้สมัคร และสมาชิกพรรค ได้รับคำสั่งให้เตรียมเดินทางเข้ามาให้กำลังใจธนาธร ที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ภายหลังจากที่ประเมินแล้วว่ากิจกรรม “อยู่ไม่เป็น” ที่หวังเช็คกำลังมวลชนเมื่อวันเสาร์ที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่เปรี้ยงปร้าง “เข้าเป้า” เพราะการจัดระดมมวลชนโดยพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้รับการตอบรับมากเท่ากับที่แกนนำพรรคคาดหวังเอาไว้ แต่ถึงกระนั้น หากจะหวังเปิดเกมต่อสู้ในภาคสนามด้วยการดึง “มวลชน”ลงสู่ “ท้องถนน” เหมือนกับที่ “ม้อบเสื้อสี” เคยทำสำเร็จมาแล้วก็ดูจะเป็นเรื่องยาก ห่างไกลจากความเป็นจริง
ดังนั้นเกมที่พรรคอนาคตใหม่เตรียมเอาไว้รองรับ กับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่พ้นแนวทางที่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรคฯ เปิดปมเอาไว้ที่ Lawfare สงครามที่ต่างฝ่ายต่าง กางตำรางัด “ข้อกฎหมาย”ขึ้นมาหักล้างกัน นั่นเอง !