เสือตัวที่ 6
เหตุคนร้ายนับสิบคนเปิดปฏิบัติการยิงถล่มจุดตรวจและฐานปฏิบัติการของกองกำลังประชาชนในเขตอำเภอเมืองยะลา ทำให้มีประชาชนผู้มีจิตใจอันดีงามของท้องถิ่นในการอาสาเข้ามาปฏิบัติงานรักษาความสงบเรียบร้อยให้บ้านเกิดเมืองนอนของตน ในนามว่า ชรบ. จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งที่พี่น้อง ชรบ. เหล่านี้ มีเจตนาดีที่ต้องการนำความสงบสุขมาสู่พื้นที่ท้องถิ่นของทุกคน แต่กลับมีกลุ่มคนร้ายที่ยังมีแนวคิดนิยมความรุนแรง อาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครเหล่านี้ตายใจ และเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์และความดีที่คนเหล่านี้มีความตั้งใจ จนกระทั่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไปเป็นจำนวนไม่น้อย นับได้ว่า คนร้ายกลุ่มนี้ นอกจากไม่สนใจใยดีกับความเจริญก้าวหน้า การพัฒนาท้องถิ่นที่รัฐกำลังหยิบยื่นให้แล้ว คนกลุ่มนี้ ยังหวังผลในการทำลายความสงบสุขของคนในพื้นที่ให้หมดสิ้นไป จากการใช้คราวเผลอของเจ้าหน้าที่ ชรบ. ใน ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ทำการลอบโจมตีทำลายชีวิตผู้คนอย่างเลือดเย็นและไม่อยู่ในวิสัยของนักสู้ที่ต้องมีความเป็นชายชาตินักรบที่ควรกระทำต่อกันเฉกเช่นบรรพชนที่เคยกระทำมา
และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทารวงกลาโหม โดย นายกฯ รับทราบรายงานเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดยะลาแล้ว และได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมไปถึงผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงครั้งนี้ กำชับหน่วยงานทั้งด้านความมั่นคงและหน่วยงานปกครอง ให้ความช่วยเหลือเยียวยาทุกวิถีทาง โดยเฉพาะเร่งเข้าไปเยี่ยมเยียนผู้บาดเจ็บและผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนดูแลให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียหาย รวมถึงการดำเนินการทางพิธีกรรมทางศาสนาทั้งหมดด้วย และได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ @prayutofficial เกี่ยวกับเหตุการณ์การลอบทำลายชีวิตฝ่ายเห็นต่างอย่างน่าละอายครั้งนี้ว่า "จากเหตุการณ์ความรุนแรงในยะลา ผมขอประณามผู้ก่อเหตุฯ และแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ได้รับผลกระทบทุกราย ผมยืนยันว่าเราจะเร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุดครับ"
ทั้งนี้ นายกฯ ย้ำว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ได้บั่นทอนกำลังใจ แต่ยิ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานด้านความมั่นคงทำงานอย่างหนักมากยิ่งขึ้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความสูญเสียครั้งใหญ่ของจังหวัดยะลา เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรมต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผมขอเป็นกำลังใจให้กับประชาชนและผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนในพื้นที่ ขณะนี้ได้สั่งการหน่วยงานด้านความมั่นคงเร่งตรวจสอบรักษาความปลอดภัย และให้ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุดโดยเร็ว เพื่อสร้างความสันติสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในพื้นที่"
ในขณะที่ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกว่า ผู้ก่อเหตุยังเป็นกลุ่มเดิมๆ ซ่อนอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงขึ้นบัญชีเอาไว้ 118 หมู่บ้าน จึงเรียกร้องให้พี่น้องประชาชน ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ดูแลท้องที่ แจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ด้วย รวมทั้งน่าจะรวมตัวกันแสดงพลังปฏิเสธความรุนแรงอย่างจริงจังด้วย โดยแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกว่า "หมู่บ้านที่มีปัญหาแบบนี้ เรารวบรวมไว้มี 118 หมู่บ้าน ก็พยายามปิดพื้นที่ แต่ไม่ใช่ทหารปิด เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านนำเข้าไป ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ไม่มีการใช้ความรุนแรง นี่คือความจำเป็นของการบังคับใช้กฎหมาย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่ใช่กฎหมายพิเศษ เพราะกฎหมายใช้มานานแล้ว บางฉบับใช้มาตั้งแต่ปี 2457 (พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก) จึงขอฝากถึงประชาชนให้ชักชวนกันออกมาแสดงพลังยุติความรุนแรง ซึ่งความรุนแรงมาจากฝ่ายเดียวเท่านั้น ฝ่ายรัฐไม่เคยใช้ความรุนแรง ฉะนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันปฏิเสธคนนอกประเทศที่สั่งมา ปฏิเสธคนในประเทศที่สั่งให้มีเหตุรุนแรง เพราะเราต้องอยู่ในพื้นที่นี้ ต้องอยู่ให้มีความสุข"
เหตุการณ์ความรุนแรงครั้งนี้ เป็นเครื่องบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ ยังคงมีขบวนการร้ายที่ไม่ยอมลดละความพยายาม หรือปรับเปลี่ยนวิธีการในการต่อสู้กับรัฐ เพื่อให้ได้มาซึ่งความมุ่งหมายเดิมๆ ที่แสนจะล้าหลัง นั่นคือความมุ่งหมายในการแบ่งแยกการปกครอง เพื่ออยู่กันเองตามแนวคิดที่ได้สะสมบ่มเพาะ หล่อหลอมกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แม้ว่าภาครัฐจะให้ความจริงใจ และทุ่มเททุกองคาพยพของรัฐในการแก้ปัญหาความคับข้องใจ ในการพัฒนาทุกมิติให้พื้นที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่แห่งความหวังของพี่น้องในพื้นที่ตามวิถีที่ทุกคนในพื้นที่ปรารถนา บนแนวทางสันติวิธี ซึ่งหน่วยงานภาครัฐ ได้สนองตอบความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเมกำลังตลอดห้วงระยะเวลาของความพยายามนำความสงบสุขกลับคืนมาพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากแต่ในทางตรงข้าม กลับมีคนหัวแข็ง แนวคิดสุดโต่ง นิยมความรุนแรงกลุ่มหนึ่ง ยังคงมุ่งร้าย ทำลายทุกสิ่งอย่างของคนในพื้นที่ให้พินาศลงโดยไม่แยแสความความสูญเสียโอกาสดีๆ ของลูกหลานของคนในพื้นที่แม้แต่น้อย
และคงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะทำได้เพียงกล่าวคำประณามคนร้ายกลุ่มนี้ให้มีความสำนึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมาได้ คงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะทำให้คนร้ายกลุ่มนี้และแนวร่วมขบวนการทำลายความสงบสุขของคนในพื้นที่ ให้กลับใจคิดได้ และเข้าต่อสู้ทางความคิด บนเส้นทางสันติวิธีที่ภาครัฐหยิบยื่นให้ ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ จะได้เข้าใจรับรู้ความคิดทางลบของคนในขบวนการร้ายแห่งนี้อย่างจริงจัง และกล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับคนกลุ่มนี้ที่มีไม่มากกว่าคนดีที่อยู่ในพื้นที่ โดยร่วมมือกับภาครัฐ บีบบังคับให้คนร้ายและแนวร่วมขบวนการไม่มีที่ยืน โดยร่วมกันเข้าต่อสู้กับคนร้ายกลุ่มนี้ที่กำลังทำลายความสงบสุขของคนในพื้นที่ เหนี่ยวรั้งความเจริญของพื้นที่ให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว ก่อนที่สังคมในพื้นที่จะเกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้