ทีมข่าวคิดลึก แม้ที่ผ่านมา และล่าสุดหลังการประชุม ครม. เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะย้ำอยู่หลายครั้งหลายคราว่าทุกอย่างจะต้องเดินหน้าไปตามโรดแมปของ คสช. ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเลือกตั้งจะยังคงมีขึ้น ส่วนจะเป็นเมื่อใดนั้น ขอให้รองานพระราชพิธีสำคัญผ่านพ้นไปก่อน และก่อนหน้านี้หากยังจำได้ "วิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ "มือกฎหมายรัฐบาล" ได้ออกมาย้ำในทิศทางเดียวกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นแน่นอน แต่ยังไม่สามารถกำหนดวันเวลาได้ ต้องรอความชัดเจนจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสียก่อน นั่นหมายความว่า มีการเลือกตั้งแต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าวันไหน และเมื่อใด ยิ่งทำให้ "ฝ่ายการเมือง" เริ่มออกมาขยับ แม้จะถูก "บล็อก" เอาไว้ทั้งในทางตรงและทางอ้อมก็ตามเพราะต้องไม่ลืมว่า ตลอดในห้วงหลายปีที่ผ่านมา "เงื่อนไข" ที่มีส่วนตรึงให้กลุ่มการเมือง พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับ คสช. อยู่ในสงบนั้น มาจาก"ความหวัง" ที่เชื่อว่าจะได้มีโอกาสลงสนามเลือกตั้ง โดยเฉพาะ "พรรคเพื่อไทย"พรรคการเมืองใหญ่อันดับ 1 ที่ยังมั่นใจว่า"ฐานเสียง" ที่ "ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกฯ และในฐานะเจ้าของพรรคตัวจริง ได้สร้างคะแนนนิยมเอาไว้ ยังมีมนต์ขลังมากพอที่จะทำให้เพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเข้ามาเป็นพรรคอันดับหนึ่งเช่นเดิม แต่ดูเหมือนว่า ความหวังของพรรคเพื่อไทยเองกำลังเผชิญหน้า กับความท้าทายและคำถามที่ว่าชัยชนะที่พวกเขารอคอยอยู่นั้นจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ เนื่องจากมีกระแสผุดขึ้นเป็นระลอกๆ ว่าพรรคเพื่อไทยจะถูก "ย่อยสลาย" ทำให้กลายเป็นพรรคขนาดเล็กหมดพลังก่อนถึงวันลงสนามเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ? วันนี้ ธงเลือกตั้งที่ทั้ง คสช. กำหนดเอาไว้ยังไม่มีความชัดเจน กำลังเจอกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการบริหารงานของทั้งรัฐบาล คสช. ตลอดจน "แม่น้ำ" สายต่างๆ จากทั้งนักวิชาการ และฝ่ายการเมืองอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้คำถามและความหวั่นไหวถึงความเป็นไปได้ว่าทั้งรัฐบาล และ คสช. จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาเพื่อเคลียร์รันเวย์ทั้งในทาง การเมือง สังคม ปัญหาปากท้อง รวมทั้งกรณีวัดพระธรรมกาย ที่นับวันจะยุ่งยากมากขึ้น แม้หัวหน้า คสช. ได้ใช้ "มาตรา44" เพื่อดำเนินการแล้วก็ตาม การสะสางปัญหาและความวุ่นวายที่ปะทุอยู่รอบตัวรัฐบาล คสช. จำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลายาวนานออกไป จนจะมีผลทำให้เส้นทางของการเลือกตั้งยืดเยื้อออกไปด้วยใช่หรือไม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง อาจมีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์และบรรยากาศทางการเมืองจะพลิกเข้าสู่โหมดของการแข็งขืนและต่อต้าน คสช.ไปโดยปริยาย การปลุกเร้า ประชาชนจากฝ่ายการเมืองจะปะทุขึ้นมาอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องสงสัยแม้ คสช. และรัฐบาลเองจะมีเครื่องมือ ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ไปจนถึงตัวบทกฎหมายก็ตามที!