แสงไทย เค้าภูไทย คนไทยเจนเนอเรชั่นวายเป็นโรคสมาธิสั้นกันโดยไม่รู้ตัวกว่าร้อยละ 70 เหตุจากเสพสื่อใหม่ๆมากจนเกิดอาการสมองล้น เก็บสิ่งที่เรียนรู้ไว้ได้ ไม่นาน ก็หันไปหาของใหม่ แม้แต่รัฐบาลอยู่นาน ก็เริ่มเบื่อจนดูคล้ายกับจะเป็นขาลงเมื่ออย่า ขึ้นปีที่ 3 ตามโรดแมปของคสช.กำหนดระยะเวลาเลือกตั้งเริ่มตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคม 2560 เป็นต้นไป อาจนับจากระยะเวลาหาเสียง 90 วัน เริ่มจากต้นมกราคมไปจนปลายมีนาคมหรือต้นเมษายน รัฐบาล คสช.ก็จะมีอายุ 3 ปี 8 เดือน นับจาก 24 สิงหาคม 2557 ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งก็แทบจะเรียกว่าครบเทอม ถือว่าเป็นรัฐบาลอายุยืนที่สุดในรอบ 11 ปี นับแต่รัฐประหาร 2549 คนไทยรอได้ไหม ? โดยเฉพาะพวกที่มีอาการสมาธิสั้น เหตุจากสมาธิคนไทยยามนี้ ไปรวมศูนย์อยู่ที่สมาร์ทโฟนตัวเดียว คนกลุ่มนี้ มักจะเกิดอาการขี้เบื่ออะไรๆที่ยืดยาว การที่รัฐบาลคสช.จะอยู่ยาวออกไปก็คงจะมีใครว่า แต่ถ้าไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เจนเนอเรชั่น Y วัยจิ้มจอก็จะพากันเบื่อ แล้วก็จะจิ้มๆๆ โพสต์ข้อความแสดงอาการเบื่อหน่าย โดยเจตนารมณ์แล้ว รัฐบาลคสช.พยายามสร้างผลงานด้านเศรษฐกิจและการเมืองให้เด่น แต่ก็ทำได้ไม่ถูกใจคนไทยไกลเมืองหลวงนัก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ มีแต่คนเมืองหลวง ชนชั้นร่ำรวย ชนชั้นผู้นำ ชนชั้นปกครองที่เกาะกุมความมั่งคั่งร่ำรวย ครอบครองทรัพยากรชาติมากที่สุด เท่านั้นที่พึงพอใจ ทว่า ความพึงพอใจนั้น อาจจะเปลี่ยนเป็นความขุ่นเคือง ข้นแค้น กับมาตรการใหม่ๆของรัฐที่ริดรอนความมั่งคั่งของพวกเขา เช่นนโยบายกระจายการถือครองที่ดินของประชาชน ที่กระจุกตัวอยู่เฉพาะคนมีฐานะ 15.9 ล้านราย บางรายถือครองถึง 9 แสนไร่ ขณะที่ประชากร กว่า 76% ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ไม่มีที่ดินถือครอง ซ้ำยังมีเกษตรกรที่เสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดินติดจำนองและขายฝากกว่า 30 ล้านไร่(ข้อมูลจาก กลุ่มปฏิบัติงานท้องถิ่นไร้พรมแดน 2558) พ.ร.บ.เกี่ยวกับภาษีที่ดินฉบับใหม่จะส่งผลกระทบต่อความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ ในกลุ่ม “ชนชั้นสูง”หรือที่นักข่าวฝรั่งเรียกว่า “elite class” ที่สนับสนุนการยึดอำนาจคืนจากประชาชนไม่น้อยเลย เพราะชนชั้นปกครองและชนชั้นสูงแค่ 5% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศนี้ ถือครองทรัพย์สินและความร่ำรวยของประเทศเท่ากับมูลค่าถือครองทรัพย์สินและทรัพยากรของชาติที่เหลือทั้งหมด ไม่ต่างจากอภิมหาเศรษฐีโลกจำนวนแค่ 11% ของประชากรโลก ถือครองความมั่งคั่งไว้เทียบเท่ากับคนที่เหลือ 89% คนเหล่านี้ เชื่อว่าจะสามารถเกาะกุมอำนาจรัฐเพื่อปกป้องความมั่งคั่งของตนจากการเกลี่ยเฉลี่ยแจกทรัพย์สินและทรัพยากรของประเทศไปให้ประชาชนที่เหลือ วันนี้รัฐบาลคสช.ทั้งปฏิรูปภาษีมรดก ภาษีที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขึ้นภาษี บ้าน ที่ดิน คอนโดฯ ตึกแถว อสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆ ยกเว้นที่ดินทำการเกษตร ถ้าให้เช่าจะเสียภาษีอัตราใหม่สูงกว่าภาษีโรงเรือนเดิมถึง 10 เท่าตัว เมื่อต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น สัญชาติญาณของคนรวยก็คือลดการถือครองที่ดิน ใครที่ถือครองมากๆก็ต้องระบายขายออกมาทำให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดิน เงินที่ขายได้ก็เอาไปฝากธนาคารหรือลงทุนด้านอื่นเพื่อให้งอกเงย ทิ้งคตินิยมที่ว่าซื้อที่ดินไว้ไม่เคยขาดทุนมีแต่งอกเงย เพราะราคาที่ดินขึ้นเร็วและสูงกว่าดอกเบี้ย นั่นเป็นแต่เพียงความฝัน ข้อเท็จจริงมักจะไม่เป็นเช่นที่รัฐบาลวาดหวัง เพราะคนรวยนั้น รวยมาด้วยความเก่งเหนือคนจน ทางออก พลิกแพลง หลีกเลี่ยงเสียภาษีที่ดิน ภาษีมรดกยังมีอีกมาก จะให้เอาเงินขายที่ดินฝากแบงก์ แบงก์มีแต่ลดดอกเบี้ย บางธนาคารถึงกับจะเหลือ 0% เพื่อลดภาระจ่ายดอกเบี้ยเงินฝาก เพราะสัดส่วนสินเชื่อลดลงมาก คนที่มาขอกู้มีแต่ลูกค้าด้อยคุณภาพหรือเอาไปลงทุนเสี่ยง คนมีเงินก็กอดทุนเอาไว้ เงินทุนในตลาดหลักทรัพย์กว่า 1 ล้านล้านบาทก็หมุนเวียนอยู่แต่ในตลาด ไม่มีใครเสี่ยงเอาออกมาลงทุนใน real sector เพราะในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ ใครๆก็กลัวเจ๊งกันทั้งนั้น สู้ลงทุนหมุนเวียนอยู่ในตลาดฯไม่ได้ ผลตอบแทนสูงกว่า ตัวเลขผลประกอบการตลอดปีที่แล้ว โดยรวม มีผลกำไรถึง 8.8 แสนล้านบาท ภาครัฐลงทุน 2.2 ล้านล้านบาท จ้างงานได้ไม่เท่ากับเอกชนลงทุน 1 ล้านล้านบาท วันนี้รัฐบาลลงทุนไปมาก ผลที่ได้ คงไปปรากฏเอารัฐบาลหน้า หรือรัฐบาลโน้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมที่ระยะเวลาก่อสร้างเกิน 5 ปี อายุของแต่ละรัฐบาลนี้ อยู่ได้ตามโรดแม็พก็น่าจะพอใจแล้ว อย่าคิดไขว้เขวไปว่า การอยู่ยาวของรัฐบาลคือเสถียรภาพทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ เพราะต้นเหตุการมีรัฐบาลไร้เสถียรภาพในยุคนี้ เกิดขึ้นจากการทำรัฐประหาร 2549 เนื่องจากทำให้รัฐบาลหลังจากรัฐประหารแต่ละรัฐบาลอายุสั้น คนไทยก็เลยเป็นโรคสมาธิสั้น ADHD (Hyperactivity Attention Deficit Disorder ) ตามอายุรัฐบาล ลักษณะอาการของโรคนี้คือ เบื่อง่ายทำอะไรนานๆไม่ค่อยได้ เช่น มีความรู้สึกอึดอัด รำคาญอย่างกรณีเวลาประชุม ครม.นานๆจะรู้สึกกระวนกระวายใจ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพูดเก่ง พูดมาก ชอบอะไรแปลกๆใหม่ๆและตื่นเต้น อาการเหล่านี้ คนรุ่นวายหรือ Generation Y ที่เป็นวัยทำงานและวัยศึกษาระดับอุดมศึกษากำลังเป็นกันมาก สาเหตุมาจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์กันมาก ใช้เน็ตมากกว่านอน คือ 7.7 ชั่วโมงต่อ 6.3 ชั่วโมงต่อวัน ก็เลยไม่ค่อยจะให้เวลาหรือมีสมาธิในการคิดด้านเศรษฐกิจและการเมืองเท่าใดนัก ยิ่งมีรัฐบาลอายุสั้น 11 ปี 6 รัฐบาลด้วย ก็เลยเคยชินกับการมีรัฐบาลใหม่บ่อยๆ ชอบของใหม่ นายกฯหน้าใหม่ นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนหน้าใหม่ในช่วงสั้นๆ นับแต่ รัฐประหาร ครั้งที่ 12 คือพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯช่วง 1 ตุลาคม 254957’ 29 มกราคม 2551อายุรัฐบาล 1 ปี 120 วัน นายกฯ สมัครสุนทรเวช 29 ม.ค.2551- 9 กันยายน 2551 อายุรัฐบาล 223 วัน นายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 18 กันยายน 2551- 2 ธ.ค. 2551 อายุรัฐบาล 75 วัน นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 17 ธ.ค.2551- 5 ส.ค. 2554 อายุรัฐบาล 2 ปี 231 วัน นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 5 สิงหาคม 2554 - พฤษภาคม 2557 อายุรัฐบาล 2 ปี 275 วัน รัฐบาลรัฐประหารคสช. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 24 สิงหาคม 2557-ปัจจุบัน การที่มีคนเชียร์ให้อยู่ยาวๆนั้น ถ้าอยากอยู่ ก็อยู่ได้ แต่ต้องย้อนศึกษาการเป็นรัฐบาลของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ทั้งๆที่ยังสดชื่นรื่นเริงกับโรงแยกก๊าซมาบตาพุด ที่นำก๊าซขึ้นมาจากอ่าวไทยสดๆร้อนๆเศรษฐกิจเข้ายุคโชติช่วงชัชวาล ทั้งๆที่บารมีป๋าแก่กล้า กองทัพหนุนแน่นหนา แต่พ้น 4 ปีแรกไปแล้ว อะไรๆก็เสื่อมลงๆ จนฝืนอยู่ต่อไม่ไหว หมดยุคไปในที่สุด