เสือตัวที่ 6 กระบวนการสร้างความแปลกแยกให้เกิดขึ้นกับคนปลายด้ามขวาน ยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ทิ้งร่องรอยของกระบวนการบ่มเพาะสร้างแนวคิดเกลียดชังต่อรัฐ ให้เห็นอย่างชัดแจ้งเช่นในอดีตที่ผ่านมา โดยมุ่งเป้าเพื่อสร้างความเกลียดชังต่อรัฐ และกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดแปลกแยกจากรัฐให้เกิดขึ้นในความคิดของผู้คนในพื้นที่ปลายด้ามขวานรุ่นแล้วรุ่นเล่า มีนักวิชาการฝ่ายทหารกลุ่มหนึ่ง ที่ได้ใช้กระบวนการศึกษาวิจัยตามหลักวิชาการ โดยศึกษาข้อมูลเชิงลึกมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านงานวิจัยที่หลากหลายแง่มุม จึงสามารถเป็นข้อค้นพบที่เชื่อมโยง ร้อยเรียงให้เห็นภาพของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ชัดเจนและสามารถอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวในเชิงวิชาการมากยิ่งขึ้น โดยในแง่มุมของกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดในการร่วมมือกับขบวนการร้ายเพื่อร่วมต่อสู้กับรัฐ อย่างเป็นระบบนั้น พบว่า มีการดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อการบรรลุเป้าหมายสำคัญ โดยสามารถนำเสนอข้อค้นพบสำคัญ ต่อเนื่องจากครั้งก่อน เป็นตอนที่ 3 ดังนี้ 1. ได้แนวร่วมขบวนการหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น กระบวนการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เป็นการดำเนินการที่หากกระทำได้จนบรรลุเป้าหมายแล้ว จะส่งผลให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเกิดแนวร่วมขบวนการฯ เพิ่มมากขึ้น ด้วยเด็กและเยาวชนที่ตกเป็นเหยื่อของการกระทำนี้ จะร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐไทยได้เป็นอย่างดี แม้เด็กและเยาวชนที่เป็นเป้าหมายเหล่านั้น จะไม่ถึงขั้นเข้าร่วมติดอาวุธ หรือร่วมใช้ความรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง หากแต่ก็ยังเป็นกลุ่มเดียวกันที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งได้ เช่น การติดตามเป้าหมายบุคคลของรัฐเพื่อการก่อเหตุร้าย หรือการหาข้อมูลข่าวสารให้กับแกนนำของขบวนการฯ ตลอดจนการเป็นส่วนสนับสนุนการขับเคลื่อนของขบวนการฯ อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นต้น 2. สามารถปกปิดร่องรอยให้รอดพ้นจากเจ้าหน้าที่รัฐได้ กระบวนการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสถานศึกษาฯ มีเป้าหมายสำคัญคือ การหล่อหลอมเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ให้เข้ามามีความคิดความเชื่อในแนวทางเดียวกันกับขบวนการฯ ในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นช่องว่างของหน่วยงานภาครัฐ ที่ไม่อาจเกาะติดคนรุนใหม่เหล่านี้ที่ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมในแฟ้มประวัติของทางการรัฐไทยแต่อย่างใด ช่วยทำให้การก่อเหตุร้ายต่างๆ กระทำได้ง่ายขึ้นจากการหาข่าวหรือการสืบสวนติดตามจับกุมของฝ่ายรัฐ หลังการก่อเหตุร้ายแล้ว กลุ่มเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีประวัติขาวสะอาด จึงสามารถช่วยปกปิดร่องรอยการขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐไทยได้เป็นอย่างดี 3. ได้กลุ่มคนติดอาวุธของขบวนการฯ เพิ่มมากขึ้น ผลผลิตของกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นอกจากจะได้กลุ่มเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ที่เข้ามาช่วยสืบทอด สานต่อแนวคิดและกระบวนการขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐไทย เพื่อเป้าหมายเอกราชของกลุ่มแกนนำอย่างมีพลังต่อเนื่องยาวนานได้นั้น โดยได้แนวร่วมขบวนการฯ ทางความคิด มีเจตจำนงร่วมกันในการต่อสู้กับรัฐไทยแล้ว ยังมีเป้าหมายสุดท้ายในการโน้มนำกลุ่มเด็กและเยาวชนคนหน้าใหม่ ให้เข้ามาร่วมขบวนการต่อสู้ด้วยการใช้ความรุนแรงอีกด้วย เพราะเมื่อใดที่เด็กและเยาวชนที่ตกเป็นเหยื่อในการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบ ได้มีความเชื่ออย่างแรงกล้า มีความคิดแบบสุดโต่งได้เมื่อใด ก็มีโอกาสให้เด็กและเยาวชนที่ตกเป็นเหยื่อเหล่านั้น ถลำลึกเข้ามาสู่วงจรของกระบวนการก่อความไม่สงบมากขึ้น จนถึงนั้นถอนตัวออกจากขบวนการฯ ไม่ได้ เนื่องจากอาจติดคดีความ หรือหวาดกลัวการทำร้ายตนเองหรือญาติของตน ส่งผลให้การขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐไทยของขบวนการฯ ยังคงศักยภาพการต่อสู้อยู่ได้ยาวนานมากขึ้นตามต้องการ 4. สานต่อแนวคิดการต่อสู้เพื่อรัฐปัตตานีได้อย่างต่อเนื่อง กระบวนการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสถานศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีเป้าหมายชัดเจนที่ต้องการติดอาวุธทางความคิดให้เด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ให้มีความเชื่อในสิ่งที่ถูกบ่มเพาะจากขบวนการฯ จนมีแนวความคิดร่วมกันในการต่อสู้ร่วมกันกับขบวนการฯ แห่งนี้ เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมายปกครองตนเองตามที่ต้องการ เป็นเป้าหมายแรกของกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดให้เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ในสถานศึกษา ได้มาสานต่อแนวคิดสุดโต่งที่กลุ่มแกนนำต้องการ เป็นการสร้างพลังในการต่อสู้ทั้งในปัจจุบันและสานต่อไปถึงการต่อสู้ในอนาคต เป็นพลังในการยืนหยัดต่อสู้กับรัฐไทยได้อยู่ต่อไปในคนรุ่นต่อๆ ไป จากรุ่นสู่รุ่นไม่สิ้นสุด ทั้งนี้ ผลที่ได้จากกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดแปลกแยกจากคนของรัฐโดยทั่วไป โดยบรรดาแกนนำ นักคิดในขบวนการร้ายแห่งนี้ จึงยังคงสามารถปกปิดร่องรอยให้รอดพ้นจากเจ้าหน้าที่รัฐได้อยู่ต่อไป อย่างแนบเนียน โดยกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสถานศึกษาฯ มีเป้าหมายสำคัญคือ การหล่อหลอมเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ให้เข้ามามีความคิดความเชื่อในแนวทางเดียวกันกับขบวนการฯ ในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นช่องว่างของหน่วยงานภาครัฐ ที่ไม่อาจเกาะติดคนรุนใหม่เหล่านี้ที่ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมในแฟ้มประวัติของทางการรัฐไทยแต่อย่างใด ช่วยทำให้การก่อเหตุร้ายต่างๆ กระทำได้ง่ายขึ้นจากการหาข่าวหรือการสืบสวนติดตามจับกุมของฝ่ายรัฐ หลังการก่อเหตุร้ายแล้ว กลุ่มเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีประวัติขาวสะอาด จึงสามารถช่วยปกปิดร่องรอยการขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐไทยได้อย่างทรงพลัง และนานเท่านาน ตราบท่าที่ภาครัฐ ยังคงไม่สามารถเอาชนะกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดแตกต่างจากรัฐนี้ได้อย่างแท้จริง