ร้อยเอก ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ
รองผู้อำนวยการวิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
ปลายปี 2025 หากมองย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ด้านความมั่นคงทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ โลกไม่ได้ “สงบลง” ตามความคาดหวังหลังผ่านช่วงการระบาดใหญ่ หากแต่กลับเข้าสู่ภาวะที่ความตึงเครียดซ้อนทับกันหลายมิติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความมั่นคงในความหมายใหม่ที่กว้างกว่าเดิมอย่างมาก
ปี 2025 จึงไม่ใช่เพียงปีแห่งความขัดแย้ง แต่เป็นปีที่สะท้อนว่า นิยามของคำว่า “ความมั่นคง” กำลังเปลี่ยนไปอย่างถาวร และรัฐใดที่ยังยึดติดกับกรอบความมั่นคงแบบเดิม อาจกำลังเตรียมรับความเปราะบางโดยไม่รู้ตัว ปี 2025 จึงเป็นปีที่ความขัดแย้งหลักหลายจุดยังไม่จบลง แต่กลับ “กลายสภาพ” จากสงครามเฉพาะพื้นที่ไปสู่แรงสั่นสะเทือนเชิงโครงสร้างของระบบระหว่างประเทศ
สงครามในยุโรปตะวันออกยังคงยืดเยื้อและกลายเป็นสนามทดสอบความทนทานของระเบียบโลกแบบเสรี (liberal international order) อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดในตะวันออกกลางก็ขยายผลจากมิติความมั่นคงแบบทหาร ไปสู่มิติพลังงาน เศรษฐกิจ และการเมืองภายในของหลายประเทศมหาอำนาจ
ในเอเชีย-แปซิฟิก ปี 2025 เป็นอีกปีที่การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจไม่ลดระดับลง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นทะเล เส้นทางการค้า เทคโนโลยีขั้นสูง หรือห่วงโซ่อุปทานด้านทรัพยากรสำคัญ เช่น พลังงาน แร่หายาก และชิ้นส่วนเทคโนโลยี ความมั่นคงจึงไม่ใช่แค่เรื่องปืนหรือเรือรบ แต่เป็นเรื่อง “ใครควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของอนาคต”
สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือ การเพิ่มขึ้นของความมั่นคงนอกแบบ (Non-Traditional Security Threats) ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ การบิดเบือนข้อมูล (disinformation) ภัยพิบัติจากสภาพภูมิอากาศ และการเคลื่อนย้ายประชากรจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เหตุการณ์เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมี “ศัตรูที่มองเห็นได้” แต่สร้างผลกระทบต่อรัฐและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
ไทยในปี 2025: ความมั่นคงที่อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด
เมื่อหันกลับมามองประเทศไทย ปี 2025 เป็นปีที่ประเด็นความมั่นคงมาครบทั้งรูปแบบภัยคุกคามทางทหาร และภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อความมั่นคงด้านปากท้อง ราคาพลังงานและต้นทุนการผลิตที่ไม่แน่นอน สะท้อนให้เห็นว่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจคือฐานรากของเสถียรภาพทางการเมือง ขณะเดียวกัน ปัญหาภัยพิบัติ น้ำท่วม ภัยแล้ง และสภาพอากาศสุดขั้วในปี 2025 ก็ทำให้คำว่า “ความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม” ไม่ใช่แนวคิดเชิงทฤษฎีอีกต่อไป แต่เป็นประเด็นเชิงนโยบายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในมิติความมั่นคงชายแดน น่าจะเป็นประเด็นปัญหาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากคนไทย ภูมิภาค ไปจนถึงระดับโลก ปัญหาเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ปะทุเมื่อกลางปี ลากยาวแบบเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายมาจนข้ามปีใหม่ ยังเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า ประเด็นด้านการทหารยังคงไม่จากหายไป และไทยยังต้องบริหารความสัมพันธ์กับประเทศรอบบ้านด้วยความละเอียดอ่อนและรอบคอบ การทูต การทหาร และการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนต้องเดินไปพร้อมกัน ไม่ใช่แยกส่วนเหมือนในอดีต
ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ความมั่นคงทางข้อมูลและการรับรู้ของสังคม ปี 2025 เป็นปีที่ข่าวปลอม ข้อมูลบิดเบือน และการใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือทางการเมือง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของสังคมอย่างเห็นได้ชัด ความมั่นคงจึงไม่ได้อยู่แค่ในมือของรัฐ แต่เกี่ยวข้องกับ “ภูมิคุ้มกันทางปัญญา” ของประชาชนด้วย ซึ่งเรื่องนี้สร้างผลกระทบอย่างมากเมื่อผนวกเข้ากับปัญหาความขัดแย้งชายแดน
บทเรียนจากปี 2025: ความมั่นคงคือการปรับตัว ไม่ใช่การตั้งรับ
หากจะสรุปบทเรียนสำคัญจากปี 2025 ประการแรกคือ ความมั่นคงไม่ใช่สภาวะคงที่ แต่เป็นกระบวนการของการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โลกที่เปลี่ยนเร็ว ทำให้การคิดเชิงยุทธศาสตร์ต้องยืดหยุ่น เปิดรับข้อมูลใหม่ และกล้ายอมรับว่าคำตอบในอดีตอาจใช้ไม่ได้กับปัจจุบัน ประการที่สอง ความมั่นคงไม่สามารถพึ่งพาเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งได้อีกต่อไป กำลังทหาร การทูต เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความร่วมมือกับภาคประชาชน ต้องถูกมองเป็น “ชุดเดียวกัน” ไม่ใช่คนละกระทรวง คนละนโยบาย และประการสุดท้าย ปี 2025 สอนเราว่า ความมั่นคงที่ยั่งยืนเริ่มจากความเชื่อมั่น ทั้งความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐ และความเชื่อมั่นของไทยในสายตาประชาคมโลก หากความเชื่อมั่นสั่นคลอน ต่อให้มีกองกำลังหรือทรัพยากรมากเพียงใด ก็ยากจะสร้างเสถียรภาพในระยะยาวได้
เมื่อโลกกำลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่พร้อมความไม่แน่นอนที่ยังคงอยู่ คำถามสำคัญไม่ใช่ว่า “ภัยคุกคามจะหายไปเมื่อใด” แต่คือ เราพร้อมแค่ไหนที่จะอยู่กับโลกที่ไม่แน่นอนอย่างมีสติและมีทิศทาง การมองโลกในปี 2025 ทำให้เราเข้าใจว่า ความมั่นคงไม่ใช่เรื่องไกลตัว และการเหลียวมองไทยก็ย้ำเตือนว่า นโยบายความมั่นคงที่ดีต้องเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของผู้คน
บางที การส่งท้ายปีเก่าอย่างแท้จริง อาจไม่ใช่การหวังให้โลกสงบลงโดยเร็ว แต่คือการเตรียมสังคมให้ “ยืนอยู่ได้” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างมั่นคงและมีภูมิคุ้มกันมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
ขอให้สิ่งร้ายๆจากไปพร้อมปี 2025 ครับ
เอวัง








