มองโลก เหลียวไทย

“ยาซอมบี้” ภัยความมั่นคงสุดโหด

แชร์ข่าว

ร้อยเอก ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ

รองผู้อำนวยการวิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า 

ยาเสพติดเป็นหนึ่งในภัยคุกคามความมั่นคงที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเสมอมา โดยส่งผลกระทบตั้งแต่ระดับบุคคล สังคม ประเทศ ไปจนถึงระหว่างประเทศ และเป็นอีกหนึ่งภัยคุกคามที่มีพัฒนาการอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง ล่าสุด หลายท่านน่าจะได้เห็นภาพสุดสยองของคนในต่างประเทศ ที่มีอาการคล้ายซอมบี้ และมีแผลเหวอะหวะทั่วตัว นี่คือยาปีศาจตัวใหม่ ที่คนเรียกกันว่า “ยาซอมบี้” วันนี้มาเจาะลึกเรื่องนี้กันครับ

“ยาซอมบี้” เป็นยาเสพติดที่กำลังระบาดหนักในหลายเมืองในสหรัฐอเมริกา จนก่อให้เกิดภาพสะเทือนขวัญที่ออกมาตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ผู้เสพมีอาการคล้ายซอมบี้ ไม่มีเรี่ยวแรง เคลื่อนไหวช้า บ้างตัวแข็งทื่อ ไม่ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว มีแผลอยู่ตัวร่างกาย เป็นภาพที่น่าหดหู่อย่างยิ่งต่อผู้ได้พบเห็น

ยาซอมบี้ หรือ ที่อาจรู้จักกันในชื่อ “ทรานค์” เป็นสารผสมระหว่าง เฟนทานิล (Fentanyl) กับ ไซลาซีน (Xylazine) โดย เฟนทานิล เป็นยาระงับอาการปวดที่อยู่ในกลุ่ม โอปิออยด์ (Opioid) ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นเพื่อให้มีฤทธิ์ระงับอาการปวดรุนแรง ใช้สำหรับช่วยบรรเทาอาการปวดเฉียบพลันและเรื้อรังรุนแรง เช่น ในการผ่านตัดใหญ่ หรืออาการปวดรุนแรงจากมะเร็ง เป็นต้น ว่ากันว่า เฟนทานิล มีฤทธิ์ในการระงับปวดมากกว่ามอร์ฟีนถึง 100 เท่า และแรงกว่าเฮโรอีนกว่า 50 เท่า ในขณะที่ ไซลาซีน คือยาสลบที่ใช้กับสัตว์ มีฤทธิ์รุนแรง ซึ่งโดยมากการทำยาซอมบี้ นอกจากยาทั้งสองแล้ว ก็อาจมีการผสมเฮโรอีนหรือสารอื่นเข้าไปอีกด้วย

ทำไมจึงถูกเรียกว่า ยาซอมบี้?

เพราะผลจากการเสพจะก่อให้เกิดอาการเชื่องช้า หายใจไม่เต็มที่ เดินเซ นั่งนิ่งๆไม่ตอบสนอง ก้มหน้าเหมือนจะล้มแต่ก็ไม่ล้ม เพราะการเสพทำให้เกิดอารมณ์ผ่อนคลาย เคลิบเคลิ้มเป็นสุข เรียกว่าหลุดไปอยู่ในโลกจินตนาการที่ปราศจากความทุกข์ก็ว่าได้ เมื่อหลุดไปในภวังค์ยืนท่าไหนก็อยู่ท่านั้น แข็งทื่อคล้ายซอมบี้ ซึ่งเมื่อใช้เป็นประจำอาจทำให้สูญเสียความจำ และเกิดอาการผิดปกติทางระบบประสาท

แต่ที่โหดที่สุด คือผู้ที่ใช้การฉีด อาจทำให้เกิดบาดแผลรุนแรงบริเวณที่ฉีด นำไปสู่ภาวะเนื้อตาย เน่าเปื่อย จนกลายเป็นแผลเน่าที่น่าสยดสยอง หลายรายมีแผลขนาดใหญ่ ลึก มีกลิ่นเหม็น และเกิดการลุกลามได้เป็นบริเวณกว้าง นำมาซึ่งอาการเจ็บปวดอย่างมาก หลายต่อหลายคนเลือกที่จะใช้ยาตัวเดิมฉีดเข้าไปที่แผลเพื่อระงับอาการปวดรุนแรง ทำให้การติดยาไม่ใช่แค่ความเคลิบเคลิ้ม แต่กลายเป็นเพื่อให้หายจากความเจ็บปวด

ปัจจุบันยาชนิดนี้ระบาดหนักในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในหมู่คนไร้บ้านตามท้องถนน จนกลายเป็นหนึ่งในประเด็นความมั่นคงระดับชาติของสหรัฐ จนนำมาซึ่งประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์

เฟนทานิลกับภูมิรัฐศาสตร์ ?

ใช่ครับ ยาเฟนทานิล กลายเป็นประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศที่น่าสนใจในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ระหว่างสหรัฐกับจีน และเม็กซิโก

เพราะจีนเป็นผู้ผลิตสารตั้งต้นรายใหญ่ในการผลิตเฟนทานิล จึงทำให้สหรัฐ (ใช้เป็นข้ออ้าง?) กดดันจีนอย่างหนักในให้ควบคุมการส่งออกสารเคมีอย่างเข้มงวด จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงในทางการทูตระหว่างสองประเทศหลายครั้ง จนนำไปสู่การเป็นประเด็นในการใช้เพดานภาษีกดดันจีน จนเลยเถิดมาเป็นส่วนหนึ่งของสงครามการค้าครั้งใหม่

ในขณะที่เม็กซิโก ก็ถูกสหรัฐเชื่อว่าเป็นฐานการผลิตเฟนทานิลผิดกฎหมายของแก๊งค้ายาต่างๆ จนนำไปสู่การติดยาชนิดนี้กันอย่างงอมแงมทั่วสหรัฐ ส่งผลให้เกิดการกดดันสารพัดชนิดจากสหรัฐ ซึ่งแน่นอนว่าเลยเถิดไปจนกลายเป็นการกดดันทางการค้า และประเด็นดราม่าอีกนับไม่ถ้วน

เฟนทานิล จึงไม่ใช่แค่ยาแก้ปวด หรือส่วนผสมของยาซอมบี้เท่านั้น แต่ยังมีส่วนเป็นหนึ่งในสมการภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบัน

บทเรียนจากเหตุการณ์นี้ บอกเราว่า วันนี้เราต้องจับตามองอย่างเข้มงวด เพราะหายนะจากยาเสพติดสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อสารตั้งต้นยังคงมีคุณประโยชน์ในทางการแพทย์  ช่องว่างของการกำกับดูแลจึงอาจเป็นช่องว่างให้เกิดพื้นที่สำหรับยาตัวใหม่

นอกจากนี้ การกำกับดูแลแต่ภายในเพียงอย่างเดียวก็อาจไม่พอ เพราะมันโยงกับเศรษฐกิจ อาชญากรรมข้ามชาติ ไปจนถึงภูมิรัฐศาสตร์ การป้องกันและแก้ไขปัญหาจึงอาจจำเป็นต้องใช้กลไกร่วมกันระหว่างประเทศ

แม้ว่าเฟนทานิลจะถูกระบุอยู่ในบัญชียาเสพติดของประเทศไทยแล้วก็ตาม แต่คำถามที่น่าสนใจคือ วันนี้ เราพร้อมรับมือกับมันมากน้อยเพียงใด

หนึ่งในปัญหาความมั่นคงยุคใหม่ ที่ต้องฝากคนไทยให้ช่วยกันคิดครับ

เอวัง

 

#ยาซอมบี้ #ZombieDrug #เฟนทานิล #FentanylCrisis #ภัยความมั่นคง #ความมั่นคงแห่งชาติ #ยาเสพติด #ปัญหายาเสพติด #Xylazine #ทรานค์ #TrankDrug #อเมริกา

ข่าวแนะนำ