มองผ่านข้อมูล

Leadership Consultant: กลไกขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคต

แชร์ข่าว

รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด โครงสร้างงานที่ซับซ้อน และความคาดหวังด้านธรรมาภิบาลที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง องค์กรที่มีผู้นำเก่งเป็นรายบุคคลจะขาดความพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ สิ่งที่องค์กรต้องการคือ “ระบบภาวะผู้นำ” ที่มั่นคง ครบเครื่อง และสอดคล้องในทุกระดับ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากเกินหากจะพัฒนาตนเองโดยลำพัง ทำให้บทบาทของ ที่ปรึกษาด้านภาวะผู้นำ (Leadership Consultant) กลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อองค์กรในยุคนี้ เพราะไม่ใช่เพียงผู้สอนทักษะผู้นำ แต่เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยวิเคราะห์ ประเมิน วางระบบ และขับเคลื่อนผู้นำให้สอดประสานกับเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ขององค์กรได้อย่างแท้จริง

บทบาทสำคัญประการแรกของที่ปรึกษาคือ การประเมินสภาพแวดล้อมด้านภาวะผู้นำภายในองค์กรอย่างเป็นระบบ ผ่านการสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการใช้แบบประเมินเชิงลึก เพื่อทำความเข้าใจโครงสร้าง วัฒนธรรม และพฤติกรรมการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของผู้นำ การประเมินจากบุคคลภายนอกมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กร เพราะเป็นมุมมองที่ไม่ถูกจำกัดโดยลำดับชั้นหรือความเกรงใจภายใน ช่วยให้ปัญหาที่มองไม่เห็นด้วยสายตาคนในถูกเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อข้อมูลชัดเจนขึ้น ที่ปรึกษาจะพัฒนาแผนกลยุทธ์ด้านภาวะผู้นำให้สอดคล้องกับทิศทางหรือวัตถุประสงค์ขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโมเดลผู้นำยุคใหม่ การสร้างทักษะผู้นำในสภาพแวดล้อมดิจิทัล หรือการโฟกัสการเติบโตของผู้นำเฉพาะกลุ่ม เช่น ผู้บริหารระดับกลางที่กำลังเตรียมก้าวสู่ตำแหน่งสูงขึ้น การมีแผนกลยุทธ์ภาวะผู้นำที่ชัดเจนถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ทุกหน่วยงานเคลื่อนตัวไปในทิศทางเดียวกัน ลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลและลดความสับสนในการสื่อสารระหว่างสายงานต่าง ๆ

อีกภารกิจสำคัญของที่ปรึกษาด้านภาวะผู้นำคือ การโค้ชผู้บริหารระดับสูง ซึ่งมักต้องเผชิญแรงกดดันและความคาดหวังจากหลายทิศทาง การโค้ชช่วยให้ผู้บริหารทบทวนรูปแบบการตัดสินใจ เสริมภาวะผู้นำเชิงอารมณ์ และเพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์สำคัญขององค์กร สิ่งนี้มีคุณค่ามากสำหรับองค์กรที่การตัดสินใจของผู้บริหารหนึ่งคนอาจส่งผลกระทบต่อบุคลากรหลายพันคนและทิศทางธุรกิจในอนาคต

นอกจากนี้ ในหลายองค์กร แม้ผู้บริหารจะเก่งในบทบาทของตนเอง แต่กลับทำงานร่วมกันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ที่ปรึกษาจะก้าวเข้ามาทำหน้าที่ช่วยสร้างความเป็นทีมในกลุ่มผู้นำระดับสูง เปิดประเด็นที่ค้างคาใจ ปลดล็อกความไม่สอดคล้อง และทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน การมีผู้เชี่ยวชาญนอกทีมผู้บริหารจะทำให้การสนทนาเป็นกลาง มีพื้นที่ปลอดภัย และทำให้ความขัดแย้งถูกจัดการด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์

บทบาทของที่ปรึกษายังโดดเด่นในช่วงการเปลี่ยนแปลงองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้าง หรือการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้นำต้องการคู่วิเคราะห์ที่ช่วยแยกแยะประเด็นหลัก นำเสนอวิธีการสื่อสารที่เหมาะสม และช่วยออกแบบการเปลี่ยนผ่านที่ลดผลกระทบต่อบุคลากรให้มากที่สุด การสนับสนุนนี้ทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง และช่วยรักษาความเชื่อมั่นของบุคลากรในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

การเชิญที่ปรึกษาด้านภาวะผู้นำเข้ามาในช่วงที่เกิดสัญญาณสำคัญ เช่น การเติบโตเร็วเกินโครงสร้างภาวะผู้นำเดิม การเข้าสู่ยุทธศาสตร์ใหม่ที่ต้องการความคล่องตัวมากขึ้น การขาดความเชื่อมโยงระหว่างวิสัยทัศน์ของผู้บริหารกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง หรือการเกิดปัญหาวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้บุคลากรหมดไฟและรู้สึกไม่ผูกพัน การเข้ามาของที่ปรึกษาจะทำให้ภาพรวมของปัญหาชัดขึ้นและช่วยให้ผู้บริหารมีแนวทางที่สร้างผลลัพธ์ได้จริงในระยะยาว

ประโยชน์ของการมีที่ปรึกษานั้นปรากฏชัดในหลายมิติ องค์กรได้รับความสอดคล้องเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ผู้นำมีความกล้าตัดสินใจมากขึ้น และบุคลากรได้รับผลในเชิงบวกจากการสื่อสารและการบริหารที่โปร่งใสขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาผู้นำยังช่วยเสริมวัฒนธรรมองค์กร ทำให้บุคลากรมีความเชื่อมั่นและรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าในระบบงาน เมื่อผู้นำมีทักษะการฟัง การสื่อสาร และการบริหารความขัดแย้งที่ดี วัฒนธรรมของทั้งองค์กรย่อมเปลี่ยนไปในทางบวกโดยอัตโนมัติ

อีกด้านหนึ่งที่มีความสำคัญมาก ๆ คือ การวางรากฐานให้ผู้นำรุ่นถัดไป ที่ปรึกษาสามารถช่วยออกแบบแผนสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นระบบ วิเคราะห์ศักยภาพบุคลากรรุ่นใหม่ และทำให้การเปลี่ยนผ่านตำแหน่งสำคัญเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์ที่เกิดจากการขาดผู้นำในจังหวะสำคัญ

ในมุมกระบวนการทำงาน ที่ปรึกษาด้านภาวะผู้นำไม่ได้ทำงานลอย ๆ แต่เริ่มจากการทำความเข้าใจเป้าหมายองค์กรอย่างลึกซึ้ง ต่อด้วยการวินิจฉัยเชิงข้อมูล การออกแบบโปรแกรมที่เหมาะสม การลงพื้นที่ทำงานจริงกับผู้นำ และการติดตามผลเพื่อทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากเวิร์กช็อปครั้งเดียว แต่เกิดจากความร่วมมือระหว่างที่ปรึกษา ผู้นำ และระบบงานภายในทั้งหมด

องค์กรควรตระหนักว่า ภาวะผู้นำไม่ใช่เรื่องของบุคคลคนเดียว แต่เป็นเรื่องของ “ระบบ” ที่ครอบคลุมทั้งทัศนคติ

วิธีคิด กระบวนการทำงาน และวัฒนธรรมที่ผู้นำสะท้อนให้บุคลากรเห็นทุกวัน การลงทุนในที่ปรึกษาด้านภาวะผู้นำคือการลงทุนในความแข็งแกร่งขององค์กรทั้งระบบ เพื่อให้พร้อมรับมืออนาคตที่ท้าทายมากขึ้น และสร้างความยั่งยืนทั้งด้านคนและธุรกิจอย่างมั่นคงครับ

ข่าวแนะนำ

แชร์ข่าว