ในจังหวะที่กระแสการเมืองร้อนแรง ข่าวลือเรื่อง “ยุบสภาเร็วกว่ากำหนด 4 เดือน” กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่สั่นสะเทือนทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะ “พรรคประชาชน” ผู้ประกาศตนเป็นหัวหอกผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริง มันจะไม่เพียงทำให้สมการการเมืองเปลี่ยน แต่ยังอาจเป็นจุดพลิกผันสำคัญของอนาคตพรรคนี้
สำหรับพรรคประชาชน การยุบสภาในจังหวะที่กระแสยังอยู่ขาขึ้นอาจถูกมองว่าเป็นโอกาสทอง เพราะพรรคกำลังได้รับความนิยมจากแนวทางการเมืองที่ชัดเจน กล้าชน และมีจุดยืนชัดในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยอาจมองว่า พรรคกำลังถูกสกัดโดยฝ่ายตรงข้าม การเลือกตั้งใหม่จึงอาจกลายเป็นสนามต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ระหว่าง “ผู้ต้องการปฏิรูป” กับ “ผู้รักษาอำนาจเดิม”
ในอีกมุมหนึ่ง การยุบสภายังช่วยให้พรรคประชาชนหลีกเลี่ยงแรงกดดันจากเกมการเมืองในสภา โดยเฉพาะหากมีวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือปัญหาภายในรัฐบาลที่อาจบีบให้พรรคต้องเลือกข้าง การยุบสภาเท่ากับตัดไฟแต่ต้นลม ป้องกันความแตกแยกภายในและรักษาภาพลักษณ์ความเป็นเอกภาพของพรรค
ที่สำคัญ การถูกตัดตอนในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจกลายเป็น “วาทกรรมหาเสียง” ชั้นยอด พรรคสามารถใช้เรื่องนี้ปลุกกระแสความเห็นใจและยืนยันภาพลักษณ์ “ผู้ถูกกระทำแต่ไม่ยอมจำนน” ซึ่งเข้ากับอารมณ์สังคมที่เบื่อหน่ายการเมืองแบบเดิมได้เป็นอย่างดี
แต่ทุกเหรียญย่อมมีสองด้าน และการยุบสภาครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะสิ่งที่พรรคประชาชนต้องแลก คือ “วาระสำคัญที่สุด” ของพรรค นั่นคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังอยู่ในขั้นตอนสำคัญในสภา การยุบสภาจะทำให้กระบวนการทั้งหมดตกไปโดยอัตโนมัติ ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่หลังการเลือกตั้ง ซึ่งไม่แน่ว่าจะได้กลับมาถึงจุดเดิมอีกครั้ง
นอกจากนี้ พรรคยังเสี่ยงเสียโอกาสในการปูทางสู่การปฏิรูปโครงสร้างการเมือง เช่น การปรับที่มาขององค์กรอิสระ หรือกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หากแผนทั้งหมดต้องหยุดกลางคัน ย่อมทำให้ผู้สนับสนุนที่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงผิดหวัง และลดแรงส่งของพรรคในระยะยาว
อีกหนึ่งความเสี่ยงคือ “เวลาเตรียมการ” หากการยุบสภาเกิดขึ้นแบบฉับพลัน พรรคประชาชนอาจไม่มีเวลามากพอในการเตรียมผู้สมัครและกลยุทธ์หาเสียงในบางพื้นที่ โดยเฉพาะเขตที่ยังไม่มีฐานเสียงมั่นคง แม้จะมีกระแสดี แต่เวลาและโครงสร้างพรรคคือปัจจัยที่ตัดสินชัยชนะจริงในสนามเลือกตั้ง
และแม้จะชนะเลือกตั้งกลับมาได้ ก็ยังไม่แน่ว่าพรรคจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลหรือผลักดันวาระสำคัญต่อไปได้ เพราะสมการทางการเมืองหลังการเลือกตั้งใหม่อาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง การรวมเสียงในสภาใหม่อาจทำให้พรรคต้องปรับยุทธศาสตร์อีกครั้ง
งดังนั้น การยุบสภาก่อนเวลาอันควรจึงเป็น “ดาบสองคม” ที่อาจให้ทั้งพลังและความเสี่ยง พรรคประชาชนอาจได้แรงส่งทางการเมืองจากกระแสสังคม แต่ต้องแลกกับการสูญเสียวาระแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นหัวใจของพรรค
นี่เองที่ทำให้ดุลอำนาจในมือของ นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล กลับมามีอำนาจมากขึ้นอีกครั้งจากสิทธิขาดในการยุบสภา
#พรรคประชาชน #ยุบสภา #การเมืองไทย #รัฐธรรมนูญ #วิเคราะห์การเมือง








