ผู้การวิศรุฒน์
นอกเหนือจากสมรภูมิทางการทหาร การใช้กำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์สู้กับทหารกัมพูชาในครั้งนี้แล้ว กระทรวงกลาโหมและกองทัพยังรับภารกิจหลักในการต่อสู้ในสมรภูมิข่าวสารกับกัมพูชาอีกด้วย
เพราะต้องยอมรับว่า ฝ่ายกัมพูชามักถูกมองว่าก้าวไปข้างหน้าก่อนไทยหนึ่งก้าวเสมอ ในเรื่องสงครามข้อมูลข่าวสาร เหตุเพราะกัมพูชาเป็นระบอบเผด็จการที่ควบคุมสื่อ และมีระบบ ซิงเกิลเกตเวย์ สามารถคุมทิศทางการเสนอแพร่กระจายข่าวและโซเชียลมีเดียได้ ประการสำคัญฝ่ายกัมพูชายังมีข่าวปลอม หรือ เฟคนิวส์ (Fake News) เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำสงครามข่าวสารนี้
ขณะที่ฝ่ายไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย มีอิสระเสรีในด้านสื่อมวลชนอย่างมาก อีกทั้งสื่อโซเชียลมีเดียมีเป็นจำนวนมากและยากแก่การควบคุม ดังนั้นจึงถือว่าสมรภูมิรบด้านข่าวสารเป็นสมรภูมิที่สำคัญและแพ้ไม่ได้เช่นกัน
จึงมีการจัดตั้ง “ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา” ขึ้นตามมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ในวันแรกของการเปิดการสู้รบระลอกที่ 2 กับกัมพูชา ทั้งนี้ เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ต่อประชาชนและประชาคมโลกอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติ สนับสนุนภารกิจปกป้อง อธิปไตย ของกองทัพไทย ตลอดจนการดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง
โดยมี “บิ๊กโก๋” พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผช.ผบ.ทอ. นักบินเอฟ 16 คอลไซน์ (Callsign) “Borax” เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ที่เปรียบเสมือนเป็นแม่ทัพใหญ่ในสงครามข้อมูลข่าวสารสู้ศึกกับกัมพูชา อีกทั้งพลอากาศเอก ประภาส เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 ของทั้ง “บิ๊กคิม” พล.อ.อ.เสกสรรค์ คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งจะทำให้การประสานงานระหว่างเหล่าทัพเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังเป็นนายทหารที่เติบโตมาในสายงานกิจการพลเรือนทหารอากาศ และเป็นโฆษกกองทัพอากาศมาหลายสมัย
โดยมี เจ้ากรมพระธรรมนูญ, ผอ.ททบ.5, อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์, ประธานบอร์ด อสมท., ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (Thai PBS), เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นรองผู้อำนวยการฯ
โฆษกกระทรวงกลาโหม พล.ต.สุรสันต์ คงสิริ เป็นกำลังหลักในการแถลงข่าว รวมทั้งเป็น โมเดอเรเตอร์ (Moderator) ในการดำเนินรายการและแถลงเป็นภาษาอังกฤษ โดยมี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ, โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย, โฆษกกองทัพบก, โฆษกกองทัพเรือ, โฆษกกองทัพอากาศ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ
และมี “เสธ.แตร์” พล.ท.เทวัญ ตันกุล เป็นกรรมการและเลขานุการ, นางสาวนิมิตา จันทรเสนา เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ, นาวาอากาศเอกหญิง มณฑกานต์ แสนสิงห์ชัย เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ซึ่งเป็นทีมงานของ บิ๊กเล็ก พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม
คณะกรรมการ ชุดนี้ ทำหน้าที่สื่อสารประชาสัมพันธ์ โดยการเผยแพร่ข่าวสารข้อเท็จจริงผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ และแถลงข่าวให้ข้อมูลที่ถูกต้องสู่สาธารณะทั้งภายในและนอกประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจในภารกิจและสถานการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับชายแดนไทย - กัมพูชา พร้อมประสานการปฏิบัติและขอรับการสนับสนุนข้อมูลที่จำเป็นจากส่วนราชการต่าง ๆ สำหรับบูรณาการและเพื่อเป็นประโยชน์ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ และรายงานผลการดำเนินงานต่อ รมว.กลาโหม
จะเห็นได้ว่าเป็นการแถลงข่าวรูปแบบใหม่ที่มีการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ และใช้รูปแบบของการรายงานข่าวทีวีในการนำเสนอ โดยใช้ช่องทาง ททบ.5 และเพจ ททบ.5 รวมถึงสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 (NBT Connext) ในการถ่ายทอดทางออนไลน์
เพราะในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปรับรูปแบบการแถลงข่าว โดยให้โฆษกของกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ ได้มาสรุปผลการดูแลประชาชนชายแดน จึงทำให้รายการใช้เวลานาน 30-45 นาที จนต่อมามีการปรับรูปแบบให้แถลงแค่วันละหนึ่งครั้งในเวลา 14.00 น. และถ่ายทอดทาง ททบ.5 แค่ไม่กี่นาที จากนั้นให้ผู้ชมติดตามรับชมต่อทางออนไลน์
ในสมรภูมิรบด้านข่าวสารนี้ ทำให้นายทหารที่ถูกเรียกว่า “สายโพเดียม” หรือสายแถลงข่าวและสายกิจการพลเรือนได้แสดงความสามารถ ทั้งทีมโฆษกแต่ละเหล่าทัพที่หมุนเวียนเปลี่ยนกันมาร่วมประชุมและแถลงข่าว โดยมีกองบัญชาการอยู่ที่ ททบ.5
โดยมีนายทหารดาวเด่นในสายนี้หลายคนได้ฉายแสง เช่น “เสธ.มิว” พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. ที่มาเสริมกำลัง “เสธ.ต๊อด” พล.ต.วินธัย สุวารี ที่นอกจากเป็นโฆษกกองทัพบกแล้ว ตำแหน่งหลักยังเป็นเลขานุการกองทัพบกที่มีภารกิจมากมาย โดยเฉพาะการติดตาม ผบ.ทบ.
ขณะที่กองทัพเรือมี “เสธ.ปั๊ด” พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ทำหน้าที่แม่ทัพเรือด้านสงครามข่าวสาร และมี นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือมาเสริมทีม
ส่วนกองทัพอากาศเป็นที่จับตามองอย่างยิ่ง เนื่องจาก “เสธ.แจ๊ค” พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย ที่นอกจากจะเป็นโฆษกกองทัพอากาศแล้ว ตำแหน่งหลักยังเป็นรองเสนาธิการทหารอากาศ ซึ่งถือว่าอยู่ในไลน์ของนายทหารที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศในอนาคต โดยเป็นเตรียมทหารรุ่น 29 และถูกจับตามองว่าจะเป็นเสนาธิการทหารอากาศคนต่อไป และขึ้นชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ. ในการแต่งตั้งโยกย้ายตุลาคม 2570
พลอากาศโท จักรกฤษณ์ เป็นนักบินเอฟ 16 และ Gripen มีคอลไซน์ว่า “JKnight” ซึ่งในการแถลงข่าวใน มิชชัน (Mission) นี้ พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ได้แสดงความสามารถทั้งในแง่ของการสื่อสาร และสะท้อนความรู้ด้านยุทธการ รวมถึงการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษด้วยตนเอง แม้ว่าแคนดิเดต ผบ.ทอ. จะมีหลายคน อีกทั้งยังมีเวลาอีกถึง 3 ปีกว่าที่ พลอากาศเอก เสกสรรค์ จะเกษียณอายุราชการ และใช้เวลาจากนี้ในการผลักดันให้นายทหารอากาศม้ามืดคนใดได้ขึ้นมาชิง ผบ.ทอ. เพิ่มเติมจากแคนดิเดตที่เห็นกันอยู่ก็เป็นได้
ประการสำคัญ ในการปฏิบัติการทางทหารในการสู้รบกับกัมพูชาครั้งนี้ กองทัพอากาศมีบทบาทสำคัญในการชี้วัดผลของการสู้รบ และเป็นกำลังหลักในการปฏิบัติการทางอากาศสนับสนุนการปฏิบัติการของกองทัพบกและกองทัพเรือ ดังนั้นหัวหน้าทีมหรือแม่ทัพในสงครามข้อมูลข่าวสารจึงเป็นทหารอากาศ อย่าง พล.อ.อ.ประภาส และพล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ที่สามารถอธิบายเรื่องการปฏิบัติการทางอากาศของเครื่องบินรบของกองทัพอากาศให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าใจ
ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาก็ยังคงใช้การปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงไม่ว่าเรื่องใด ทั้งการใช้ ทุ่นระเบิด สังหารบุคคล วางระเบิดทำให้ทหารไทยบาดเจ็บมาแล้วหลายคน และไม่ยอมรับว่าทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทยก่อนจนทำให้เกิดการปะทะกันมาจนทุกวันนี้ และยังคงปล่อยข่าวปลอมแพร่เฟคนิวส์แบบไม่หยุดหย่อน จึงถือเป็นความยากของทีมสงครามข่าวสารของฝ่ายไทย
เพราะฝ่ายกัมพูชาดูจะตั้งเป้าไปที่การสื่อสารกับสังคมโลกมากกว่าคนภายในประเทศ และมีการจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์และบริษัทต่างชาติในการทำสงครามข้อมูลข่าวสาร มีการนำระบบ AI และ Robot มาใช้ในการควบคุมการแพร่กระจายของข้อมูลข่าวสาร และเน้นการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ
ขณะที่ฝ่ายไทยมีการสื่อสารเป็นภาษาต่าง ๆ มากถึง 16 ภาษา แต่ปัญหาอยู่ที่การแพร่กระจายให้การแถลงข่าวในภาษาต่าง ๆ นั้นเข้าถึงประชาชนในประเทศต่าง ๆ
“ไม่ว่าจะสนามรบไหน สนามรบทางการทูต สนามรบทางทหาร และสนามรบข้อมูลข่าวสาร เราต้องชนะทั้งสามสนามรบ”
#สมรภูมิข่าวสาร #สงครามข้อมูลข่าวสาร #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา








