ท่ามกลางฝุ่นตลบของการเมืองไทยในช่วงปลายปี 2568 ทันทีที่ “พรรคเพื่อไทย” เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯลำดับที่ 1 นามสกุลที่คุ้นหูอย่าง "วงศ์สวัสดิ์" และสถานะ "หลานทักษิณ" ทำให้หลายคนนึกถึงภาพการเมืองเก่า แต่เมื่อพิจารณาโปรไฟล์ระดับ "ศาสตราจารย์" ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ กลับฉายภาพอนาคตที่ล้ำสมัย
"ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์" ชายผู้ยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างความหวังใหม่ทางการเมืองไทย กับเงาทะมึนของตระกูล “ชินวัตร”
1. นักวิชาการในดงนักเลือกตั้ง
หากตัดนามสกุลออกไป โปรไฟล์ของยศชนัน คือสเปกผู้นำในฝันที่คนรุ่นใหม่โหยหา เขาไม่ใช่แค่นักวิชาการที่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง แต่ยังเป็นนักปฏิบัติที่เคยคว้ารางวัลระดับโลกและเจ้าของสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย
ในขณะที่นักการเมืองคนอื่นพูดเรื่องอยู่ดีกินดี ยศชนันกลับขึ้นเวทีแถลงนโยบายด้วยศัพท์แสงทางวิชาการ เขาเปรียบประเทศไทยว่ากำลังเผชิญ Perfect Storm ซึ่งต้องแก้ด้วยกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่วาทกรรม
การเลือก "ศาสตราจารย์วิศวกรรมชีวการแพทย์" มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 1 สะท้อนว่าพรรคเพื่อไทยกำลังพยายาม Disrupt ตัวเอง เพื่อสลัดภาพจำเดิมๆ และต่อสู้กับพรรคประชาชน ในสนามของวิสัยทัศน์ ที่ตนเองเคยเพลี่ยงพล้ำ
2. DNA ชินวัตร
อย่างไรก็ตาม ในทางการเมือง "ที่มา" สำคัญพอๆ กับ "ความสามารถ" ยศชนันคือบุตรชายคนโตของอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (เจ๊แดง) ผู้เป็นน้องสาวของทักษิณ ชินวัตร
สำหรับคอการเมือง นี่ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญทางพันธุกรรม แต่มันคือ "ยุทธศาสตร์เลือดข้นกว่าน้ำ" การเลือกยศชนันคือการส่งสัญญาณไปยังฐานเสียงว่า พรรคเพื่อไทยยังคงมี DNA ชินวัตร สายเลือดชินวัตรของยศชนัน จึงเปรียบเสมือนใบรับประกันคุณภาพสำหรับแฟนคลับพรรคเพื่อไทย แต่ในขณะเดียวกัน มันคือเป้าล่อสำหรับฝ่ายตรงข้าม ที่จะโจมตีในเรื่องการเป็นนอมินีของทักษิณ ชินวัตร
นี่คือการเดิมพันที่ชาญฉลาด แต่ก็สุ่มเสี่ยง โดยพรรคเพื่อไทยกำลังใช้ยศชนันเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคน 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 : ฐานเสียงเพื่อไทยที่ศรัทธาทักษิณ
กลุ่มที่ 2 : ชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการผู้นำที่มีความรู้ความสามารถ
3. ความหวังใหม่ ในร่างเงาเดิม ?
คำถามที่น่าขบคิดคือ ภายใต้ภาพลักษณ์นักวิชาการและวิสัยทัศน์ล้ำสมัย เนื้อแท้ทางการเมืองของยศชนันจะเป็นอย่างไร ?
(1) การควบคุมสั่งการ : ยศชนันเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี แต่ในทางการเมือง "ระบบราชการ" และ "พรรคร่วมรัฐบาล" มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขาจะใช้ "ตรรกะวิทยาศาสตร์" มาบริหาร "ตรรกะการเมือง" ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนได้จริงหรือ ?
(2) ความเป็นอิสระ : คำพูดที่ว่า "ยืนบนไหล่ยักษ์" ที่เขาใช้เปรียบเปรยถึงการรับคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ อาจฟังดูถ่อมตน แต่ในทางการเมือง มันถูกตีความได้ว่า เขาอาจเป็นเพียง "ร่างทรง" ที่มีผู้เชิดอยู่เบื้องหลัง ซึ่งประวัติศาสตร์ของพรรคสอนให้รู้ว่า จุดจบของนอมินีมักไม่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกฯ สมัคร, สมชาย หรือแม้แต่เศรษฐา และแพทองธาร
4. การทดลองครั้งใหญ่ของเพื่อไทย
การเลือกตั้ง 8 กุมภาพันธ์ 2569 ที่จะถึงนี้ ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งทั่วไป แต่เป็น "การทดลองทางวิทยาศาสตร์การเมือง" ครั้งสำคัญ
พรรคเพื่อไทยในฐานะ "มวยรอง" กำลังทดลองผสมสูตรเคมีสูตรใหม่ ระหว่าง "ประชานิยมกินได้" (ผ่านขุนพลอย่าง สุริยะและจุลพันธ์) กับ "วิสัยทัศน์ล้ำยุค" (ผ่านยศชนัน)
หากการทดลองนี้สำเร็จ ยศชนันอาจเป็นนายกฯ ที่นำพาไทยออกจากกับดักรายได้ปานกลางด้วยเทคโนโลยีได้จริงๆ ตามความมุ่งหวังของเขา
แต่หากล้มเหลว เขาอาจเป็นเพียงอีกหนึ่ง "หน้ากาก" ของระบอบเดิม ที่ถูกนำมาสวมเพื่อซื้อเวลาแห่งศรัทธาเท่านั้น
การทดลองครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ คำตอบอยู่ที่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ซึ่งจะเป็นนัดล้างตา (แพ้ก้าวไกล เลือกตั้งปี 2566) และพิสูจน์ว่า เพื่อไทยยังคงเป็นเจ้ากลยุทธ์ในสนามการเลือกตั้ง…อยู่หรือไม่ ?
บทความโดย ศราวุธ เอี่ยมเซี่ยม
#ยศชนันวงศ์สวัสดิ์ #เพื่อไทย #แคนดิเดตนายก2569 #เลือกตั้ง2569 #ชินวัตร #การเมืองไทย #วิเคราะห์การเมือง #อนาคตการเมืองไทย








