บอย อินชัวร์
ควันหลงจากงานสมาคม Million Dollar Round Table (MDRT) Thailand ที่จัดงาน “MDRT THAILAND THANK PRESS PARTY” ขอบคุณสื่อมวลชน ร่วมขับเคลื่อนการสื่อสารสู่วงกว้าง ซึ่งจัดขึ้นเมื่อค่ำคืนวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ โดยหัวเรือใหญ่ “รัฐพร สังคนนท์” ประธาน MDRT Thailand ให้ข้อมูลภาพรวมสถานการณ์สมาชิก MDRT ของประเทศไทย นโยบายการทำงาน และทิศทางกิจกรรมสำคัญของคณะกรรมการประจำปี 2568–2569 โดยมีอะไรใหม่ๆ ในปีหน้าน่าสนใจ อย่างการสร้าง Engagement กับสมาชิก ลูกค้า และสังคม ในปีนี้ MDRT Thailand เปิดตัวโครงการใหม่ “MDRT be Good and Great” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของสมาชิก MDRT ในฐานะ “คนเก่งในการทำงาน และคนดีในการอยู่ร่วมกับสังคม” โดยเน้นการทำงานอย่างมีจรรยาบรรณ ให้คำแนะนำลูกค้าอย่างถูกต้อง เหมาะสม และเป็นมืออาชีพ
โดยเปิดศักราชต้นปี 2569 MDRT Thailand เตรียมจัดกิจกรรม “MDRT be Good and Great Kick Off : SAVE THE SEA” เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงินในฐานะคนเก่งและคนดีของสังคม ในวันที่ 15 มกราคม 2569 ณ กองทัพเรือ สัตหีบ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการพัฒนาผู้บริหารทีมผ่านโครงการ MDRT Center for Field Leadership (CFL) ซึ่งเป็นคลังความรู้ด้านการสร้างทีมงาน MDRT พร้อมหลักสูตรจากมหาวิทยาลัย Harvard และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่าน Study Group ระดับนานาชาติ ก็ลองติดตามกันดูโฉมใหม่ปี 2569 จะเข้าตาดึงดูดสมาชิกกันมากน้อยขนาดไหน
เป็นอีกหนึ่งบิ๊กบริหารอีกค่ายที่น่าสนใจและต้องจับตาอย่ากระพริบตา จากผู้บริหารหนุ่มมากความสามารถ สู่บทบาทระดับกลุ่มบริษัทฯ ที่ชื่อเสียงเรียงนามว่า “อิฎฐ์ อภิรักษ์ติวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาองค์กร (CCDO) ของพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ที่เติบโตอย่างดีวันดีคืน กำลังก้าวสู่เวทีโกอินเตอร์ ร่วมงานกับ Prudential Group ในตำแหน่ง Head of the Peace-of-Mind Office
การขยับตำแหน่งครั้งนี้ ไม่ได้วัดกันที่อายุ แต่พิสูจน์กันที่ศักยภาพ — สะท้อนชัดว่า พรูเด็นเชียลเปิดโอกาสให้คนเก่งเสมอ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2569 และจะรายงานตรงต่อ Arjan Toor ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานสุขภาพ กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล งานนี้ไม่ใช่แค่ความภูมิใจของบุคคล แต่คือสัญญาณชัดของการสร้างผู้นำไทยสู่เวทีโลกเลยทีเดียว
เรียกว่าเป็นการพลิกมิติใหม่ของตำรานายประกันก็ว่าได้ แถมยังเป็นดีลที่ใหญ่สุดของปีนี้ในด้านเทคโนโลยีและธุรกิจประกันภัย เมื่อล่าสุดบริษัททิพยประกันภัยร่วมมือ หัวเว่ย–ดาต้าวัน เอเชีย–ซิโนซอฟต์ พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารงานประกันภัยแบบครบวงจร ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้กับบริษัททิพยประกันภัย เพื่อก้าวสู่การเป็น “ผู้ให้บริการประกันแห่งอนาคต” ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ซิโนซอฟต์ จำกัด ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ประกันภัยชั้นนำของจีน และบริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) ซิสเต็มส์ อินทิเกรเตอร์แถวหน้าของไทย โดยทั้งสามฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาระบบบริหารงานประกันภัยแบบครบวงจร (Core Insurance) ของทิพยประกันภัย เพื่อรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริง
โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีล่าสุด ซึ่งพัฒนาโดยความร่วมมือระหว่างหน่วยธุรกิจการเงินดิจิทัลของหัวเว่ย และบริษัทซิโนซอฟต์ โดยใช้เทคโนโลยี Huawei Cloud Stack (HCS) ฐานข้อมูล GaussDB พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลและเครือข่ายประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับการอัปเกรดระบบที่เสถียรและเชื่อถือได้ การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายโครงการ RongHai Program ของหัวเว่ยสู่ระดับสากล ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาโซลูชันทางการเงินร่วมกับพันธมิตรทั่วโลก และโครงการในครั้งนี้ยังจัดเป็นผลงานความร่วมมือที่โดดเด่นในระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ใกล้สิ้นสุดการรอคอยสำหรับการควบรวมของ 2 ค่ายประกันวินาศภัยยักษ์ยุโรปในไทย ระหว่างบริษัทแห่งหนึ่งที่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านนอนมอเตอร์ กับยักษ์ประกันรถยนต์รายใหญ่อีกแห่งหนึ่ง เห็นว่าจะได้ฤกษ์เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนแซ่ ใช้ชื่อใหม่ พร้อมย้ายเข้าคฤหาสน์ใหม่ย่านนอร์ทปาร์ค และมีแววว่าจะย้อนกลับไปใช้ชื่อเก่าที่เคยใช้หลังการควบรวมบริษัทแล้ว เมื่อมีทั้งไลเซนส์ประกันชีวิตอยู่ก่อน และได้ไลเซนส์ประกันวินาศภัยเพิ่ม ก็คงเดินรอยตามประกันต่างชาติรุ่นพี่ๆ ที่มาตั้งรกรากขายในไทย เดินหน้าขายทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัยไปพร้อมกัน ภายใต้นโยบาย “ONE….”
เวลานี้ที่วุ่นๆ คงเป็นการเตรียมการรีแบรนด์ และการปรับโครงสร้างการทำงานของทั้งสองฝั่งให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งบางเรื่องซ้ำซ้อนกัน บางประเภทรับประกัน เช่น ประกันรถยนต์ จากเดิมไม่มีเคลมแห้ง กลายเป็นมีแต่เคลมสด หรือแม้แต่บางแบบประกันสุขภาพที่ต้องจูนเข้าหากัน ก็คงต้องรอติดตามกันดูว่าจะลงตัวกันไหม แต่ที่แน่ๆ ฝั่งที่เน้นงานนอนมอเตอร์มีบทเรียนจากเหตุภัยแผ่นดินไหวช่วงต้นปีมาแล้ว น่าจะใส่ใจรอบคอบเป็นพิเศษว่าจะทำอย่างไรไม่ให้การจ่ายสินไหม หรือการบริหารเคลมพลาดจนขาดทุนรับประกันซ้ำสองอีก นี่แหละคือโจทย์การบ้านใหญ่








