ภาวะสินค้าเกษตรไทยช่วงวันที่ 8–12 ธันวาคม 2568 สะท้อนความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในเชิงโครงสร้าง เมื่อราคาสินค้าเกษตรหลายประเภทเริ่มแยกทิศทางกันอย่างชัดเจน เกิดเป็นภาพ “ราคาแยกทาง” ระหว่างสินค้าที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวอย่าง ข้าว และ ปลาป่น ที่ปรับเพิ่มขึ้นแรง กับกลุ่มสินค้าหลักในตลาดวัตถุดิบอาหารสัตว์และปศุสัตว์ที่ยังคงทรงตัวท่ามกลางความผันผวนระดับภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก
ข้าว กลายเป็นสินค้าที่โดดเด่นที่สุดในรอบสัปดาห์ โดยราคาข้าวขาว 100% ชั้น 2 ขยับขึ้นแตะกระสอบละ 1,250 บาท ขานรับการแข็งค่าของเงินบาทที่ส่งผลต่อราคาเสนอขายแบบ F.O.B. โดยตรง ขณะที่คำสั่งซื้อในตลาดโลกยังอยู่ในระดับดีต่อเนื่อง ปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยนจึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางราคาในช่วงนี้ และยังสะท้อนถึงบทบาทของไทยในฐานะผู้ส่งออกข้าวระดับแนวหน้า ซึ่งได้รับอานิสงส์ทันทีเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้าน ปลาป่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปรับราคาขึ้นสูงทุกรายการเฉลี่ยกิโลกรัมละ 2 บาท สาเหตุหลักมาจากภาวะตึงตัวของอุปทานทั้งในประเทศและตลาดโลก โดยเฉพาะรายงานจากประเทศเปรูที่ระบุว่าปริมาณการจับปลาในปีนี้ทำได้เพียงครึ่งหนึ่งของโควตา ส่งผลให้สต็อกปลาป่นโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรวมกับความต้องการซื้อจากจีนที่ยังคงแข็งแรง จึงเป็นตัวเร่งสำคัญที่ผลักดันต้นทุนอาหารสัตว์ในไทยให้ปรับตัวสูงขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะที่ ข้าวโพด และ กากถั่วเหลือง ยังคงทรงตัวในประเทศ แม้ตลาดโลกจะมีความผันผวนมากกว่า โดยข้าวโพดได้รับแรงหนุนจากยอดส่งออกของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ แต่ภาพรวมของตลาดยังถูกจำกัดด้วยอุปทานที่ล้นตัว ส่วนกากถั่วเหลืองได้รับผลกระทบจากการที่จีนเลื่อนการซื้อเมล็ดถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ไปต้นปีหน้า ทำให้แรงซื้อชะลอตัวและกดให้ราคานำเข้าในไทยยังนิ่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 14.85 บาท สอดคล้องกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ยืนราคาที่กิโลกรัมละ 9.80 บาท
ด้านปศุสัตว์ แม้ราคาสุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ยังคงอยู่ในระดับทรงตัว แต่สถานการณ์ต้นทุนไม่สอดคล้องกับราคา โดยเฉพาะผู้เลี้ยงสุกรที่ยังประสบภาวะขาดทุนเฉลี่ยตัวละ 300–800 บาท เนื่องจากราคาหน้าฟาร์มที่ 66–71 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำกว่าต้นทุนจริง แม้ต้นทุนวัตถุดิบในบางรายการจะมีแนวโน้มลดลงในไตรมาสสุดท้ายของปี ส่วนไก่เนื้อและไข่ไก่ยังประคองราคาได้ตามระดับแนะนำของทางการ โดยมีแรงหนุนจากอุปสงค์บริโภคภายในประเทศที่ยังสม่ำเสมอ
สิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนี้คือผลกระทบจากต้นทุนปลาป่นที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจเริ่มส่งผ่านไปยังราคาสุกรและไก่ในช่วงปลายปี หากแรงกดดันด้านต้นทุนยังอยู่ในระดับสูง ปรากฏการณ์นี้จะเป็นบททดสอบสำคัญต่อภาคปศุสัตว์ไทย ว่าจะสามารถบริหารต้นทุนได้ดีเพียงใดในสภาพแวดล้อมที่ความไม่แน่นอนยังครอบคลุมทั้งตลาดพืชอาหารสัตว์ อัตราแลกเปลี่ยน และเสถียรภาพของการค้าโลก
ในภาพรวม ความเคลื่อนไหวของสินค้าเกษตรไทยในรอบสัปดาห์สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากตลาดโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่สินค้าแต่ละกลุ่มตอบสนองต่อปัจจัยภายนอกแตกต่างกัน การติดตามทิศทางราคาวัตถุดิบอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งจำเป็นทั้งสำหรับผู้ผลิต ผู้ส่งออก และเกษตรกร เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับความผันผวนที่อาจยืดเยื้อในปีหน้า







