บทความ บทวิเคราะห์

เกษตรมูลค่าสูง: อาวุธใหม่ของเกษตรกรไทยในการเผชิญกับความท้าทายระดับโลก

แชร์ข่าว

การเกษตรของไทยกำลังก้าวสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ จากรูปแบบการผลิตแบบดั้งเดิมที่เน้นปริมาณไปสู่การทำ "เกษตรมูลค่าสูง" (High-Value Agriculture) ซึ่งเป็นทางรอดที่ยั่งยืนและอาวุธสำคัญในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากทั้งสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและความต้องการของตลาดโลกที่เข้มงวดมากขึ้นในมิติของความยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การปลูกพืชที่ให้ราคาสูงขึ้นเท่านั้น แต่คือการปฏิรูปกระบวนการผลิตทั้งหมดโดยอาศัยเทคโนโลยีและการบริหารจัดการที่ชาญฉลาดเป็นหัวใจหลัก  

หัวใจสำคัญของการเกษตรมูลค่าสูง คือ การเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และ ประสิทธิภาพ ในทุกขั้นตอน เกษตรกรยุคใหม่จึงจำเป็นต้องนำ เกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) เข้ามาใช้เพื่อจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสมที่สุด ตั้งแต่การวิเคราะห์ดิน การใช้โดรนในการสำรวจและพ่นปุ๋ย/สารเคมีเฉพาะจุด ไปจนถึงการติดตั้ง ระบบ IoT (Internet of Things) เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมในแปลงปลูกแบบ Smart Farm เช่น การบริหารจัดการน้ำและอุณหภูมิผ่านแอปพลิเคชันอย่างแม่นยำ การลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นการลดต้นทุนระยะยาว เพิ่มคุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐานสูง และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาปัจจัยภายนอกที่ไม่แน่นอน เช่น สภาพอากาศ

นอกจากเทคโนโลยีแล้ว ความท้าทายระดับโลกด้าน ความยั่งยืน ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งที่สำคัญ ประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะในกลุ่มยุโรปและอเมริกาต่างเริ่มใช้มาตรการเข้มงวด เช่น กฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าที่มาจากพื้นที่ทำลายป่า (EUDR) ซึ่งทำให้สินค้าเกษตรไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีการส่งออกในปริมาณมากอย่างปาล์มน้ำมัน ยางพารา และกาแฟ ต้องพิสูจน์ถึง ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ได้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน การปรับตัวตามมาตรฐานสากลเหล่านี้จึงกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญที่กำหนดโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลก เกษตรกรที่สามารถปรับปรุงการปฏิบัติทางการเกษตรไปสู่รูปแบบที่ ยั่งยืน และได้รับการรับรองมาตรฐานสากลเท่านั้นที่จะสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของตนได้

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านนี้ต้องเผชิญกับ คอขวดเชิงโครงสร้าง ที่สำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรรายย่อย ปัญหาหลักคือ การขาดทักษะด้านการบริหารจัดการเชิงธุรกิจ และ การเข้าไม่ถึงแหล่งทุนและเทคโนโลยีราคาแพง การนำ AgTech และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้จึงยังคงจำกัดอยู่ในกลุ่มเกษตรกรขนาดใหญ่หรือกลุ่มที่มีการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ภาครัฐและเอกชนจึงมีบทบาทสำคัญในการลดช่องว่างนี้ โดยการสนับสนุนทั้งในด้านเงินลงทุน การให้ความรู้ด้านการตลาด การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน และการส่งเสริมการรวมกลุ่มเพื่อสร้างอำนาจต่อรองและการเข้าถึงตลาดให้ง่ายขึ้น

กล่าวได้ว่า เกษตรมูลค่าสูง คือการบูรณาการระหว่าง เทคโนโลยี ความยั่งยืน และ การบริหารจัดการเชิงธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การยกระดับภาคเกษตรกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจที่ยั่งยืนให้กับประเทศในระยะยาว

ข่าวแนะนำ