สถานการณ์การปะทะชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 จากการเปิดฉากโจมตีของทหารกัมพูชา บ่งชี้ว่านี่ไม่ใช่เพียงการปะทะตามวงรอบปกติ แต่เป็นปฏิบัติการที่อาจมีผลสืบเนื่องมาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่าข้อพิพาทเรื่องเส้นเขตแดน
เมื่อพิจารณาบริบทแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ พบความเชื่อมโยงที่มีนัยยะระหว่างปฏิบัติการทางทหารของกัมพูชา กับมาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาดของไทยต่อกลุ่มทุนเทา รวมถึงแรงกดดันทางการทูตในเวทีโลก ซึ่งนำไปสู่สมมติฐานว่า ความขัดแย้งครั้งนี้อาจเป็น "สงครามแบบผสมผสาน" ที่ใช้กำลังทางทหารเพื่อตอบโต้ความเพลี่ยงพล้ำในสงครามการทูต และการปราบปรามทุนเทา ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับผู้นำกัมพูชา
1. ลำดับเหตุการณ์สำคัญ ก่อนกัมพูชาเปิดฉากยิง
3-4 ธันวาคม 2568: ปปง. แถลงการยึดและอายัดทรัพย์ มูลค่าทรัพย์สินกว่า 1 หมื่นล้านบาท (300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากเครือข่ายทุนเทาที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้นำกัมพูชา ได้แก่ ยิม เลียก , เบน สมิธ , ก๊ก อาน และ เฉิน จื้อ
5 ธันวาคม 2568 (จุดเปลี่ยนทางการทูต): ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้นำเสนอหลักฐานเชิงประจักษ์ต่อที่ประชุมว่า กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาด้วยการวางทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ใหม่ในพื้นที่ขัดแย้ง ส่งผลให้ทหารไทยจำนวนมากบาดเจ็บสาหัส
ผลลัพธ์: ไทยประสบความสำเร็จในการกดดันและเรียกร้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอิสระ ซึ่งถือเป็น "ชัยชนะทางการทูต" ที่ทำให้กัมพูชาเสียหน้าในเวทีความมั่นคงสากล
7 ธันวาคม 2568: หลังถูกรุกฆาตในเวทีโลก ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงใส่ทหารช่างไทย และยกระดับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ด้วยการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักเข้าสู่พื้นที่
ความต่อเนื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า เมื่อกัมพูชาเพลี่ยงพล้ำทั้งใน "สงครามเศรษฐกิจ" (ถูกยึดทรัพย์) และ "สงครามการทูต" (ถูกประจานเรื่องทุ่นระเบิด) การเลือกใช้ "กำลังทางทหาร" เป็นทางออก เพื่อกู้หน้าและหวังเปลี่ยนเกมการต่อรอง
2 การเมืองภายใน: เบี่ยงเบนวิกฤตด้วยกระแสชาตินิยม
ในมิติการเมืองระหว่างประเทศ รัฐบาลฮุน มาเนต กำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจและกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฐานปฏิบัติการสแกมเมอร์ การสร้างสถานการณ์เผชิญหน้ากับไทย จึงเป็นทางออก ที่กัมพูชามักใช้บ่อยครั้ง
(1) เบี่ยงเบนความสนใจ: กลบข่าวความเพลี่ยงพล้ำทางการทูตที่เจนีวา และปัญหาทุนสีเทาที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลกัมพูชา
(2) รวมศูนย์อำนาจ: ปลุกกระแสชาตินิยม เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กองทัพและรัฐบาลในการขอใช้งบประมาณฉุกเฉิน
3. กัมพูชาออกอาการเลือดเข้าตา
เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ณ ชายแดนไทย - กัมพูชาในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตความขัดแย้งรูปแบบใหม่ที่ก้าวข้ามกรอบคิดเรื่อง "รัฐชาติ" แบบดั้งเดิม ไปสู่การต่อสู้เพื่อปกป้อง "ระบบนิเวศทางผลประโยชน์"
การที่ไทยสามารถ "รุกฆาต" ได้ทั้งในมิติการเงิน (ยึดทรัพย์) และการทูต (เวทีออตตาวา) ได้บีบคั้นให้ฝ่ายตรงข้ามจนตรอกจนต้องเลือกใช้ความรุนแรงทางทหารเพื่อตอบโต้
ปรากฏการณ์นี้ทิ้งโจทย์สำคัญไว้ให้ขบคิดว่า ในยุคที่เส้นแบ่งระหว่าง "ความมั่นคงแห่งรัฐ" กับ "ความมั่งคั่งของกลุ่มทุน" พร่าเลือน การปะทะกันด้วยอาวุธอาจเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมาย หรือกลุ่มทุนเทา ซึ่งกำลังดิ้นรนอย่างหนักท่ามกลางระเบียบโลกใหม่ที่เข้มงวดขึ้น
บทความโดย ศราวุธ เอี่ยมเซี่ยม







