บทความ บทวิเคราะห์

เจาะลึกวิกฤตผักแพงหลังน้ำท่วมใหญ่ : จับตาราคาฟื้นรับฤดูหนาว   

แชร์ข่าว

ภัยพิบัติจากภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2568 ได้สร้างบาดแผลลึกให้กับภาคการเกษตรของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม ผักสด ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ "ผักแพง" อย่างรุนแรงและต่อเนื่องในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน แม้สถานการณ์น้ำจะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นในแหล่งเพาะปลูกหลักยังคงส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดอย่างชัดเจน ผู้บริโภคจึงต้องเผชิญกับราคาซื้อขายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ  

จากการสำรวจข้อมูลราคา พบว่าราคาผักเศรษฐกิจหลายชนิดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะกลุ่มผักใบและเครื่องปรุงที่เสียหายง่ายเมื่อเจอน้ำท่วมขังอย่าง ผักชี ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดวิกฤตผักแพงอย่างแท้จริง ราคาผักชีในตลาดค้าปลีกบางแห่งพุ่งทะยานไปถึงกิโลกรัมละ 280-350 บาท จากเดิมที่เคยอยู่ที่ระดับ 100 บาทต่อกิโลกรัม หรือต่ำกว่า นอกจากนี้ ต้นหอม และ ขึ้นฉ่าย ก็มีราคาเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวตามมาติด ๆ ขณะที่ผักพื้นฐานอย่าง คะน้า และ กวางตุ้ง แม้จะมีการปรับราคาเพิ่มในสัดส่วนที่ต่ำกว่า แต่ก็สูงขึ้นกว่าร้อยละ 40 ถึง 60 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดภัยพิบัติ ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยตอกย้ำภาพรวมดังกล่าว โดยชี้ว่าราคาผักสดเฉลี่ยในเดือนตุลาคม 2568 นั้นพุ่งสูงแตะ 40.6 บาทต่อกิโลกรัม นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน

ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ราคาผักพุ่งสูงคือ ปริมาณผลผลิตที่ขาดหายไปจากตลาด เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมากถูกน้ำท่วมขังและเสียหายทั้งหมด การฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดต้องใช้เวลาและแรงงาน การปลูกใหม่ก็ต้องใช้เวลาเพื่อให้ผักเติบโตจนเก็บเกี่ยวได้ ขณะที่ความต้องการบริโภคในตลาดไม่ได้ลดลงตามไปด้วย ทำให้เกิดภาวะสินค้าขาดแคลนชั่วคราวอย่างรุนแรง การนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงที่ผักบางชนิดขาดตลาดอย่างหนักก็เป็นไปได้ยาก เนื่องจากพืชผักส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เก็บรักษาได้ไม่นาน การขนส่งจึงมีข้อจำกัด

อย่างไรก็ตาม แม้ราคาผักจะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่สัญญาณการฟื้นตัวเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วในระยะถัดไป การเข้าสู่ฤดูหนาว ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลงเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกผักเมืองหนาวและผักเศรษฐกิจหลายชนิด เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ และผักสลัดต่าง ๆ ที่มีวงจรการเติบโตค่อนข้างสั้น คาดการณ์ว่าผลผลิตผักชุดใหม่จะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2568 เป็นต้นไป ทำให้เกิดแรงกดดันให้ราคาผักโดยรวมเริ่มปรับลดลงตามกลไกตลาดและกลับเข้าสู่ระดับราคาปกติมากขึ้น

ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาผักสดเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2568 น่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 27.6 บาทต่อกิโลกรัมในที่สุด การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและการวางแผนการผลิตของเกษตรกรในช่วงฟื้นฟูจึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดผักสดของไทยในระยะยาว

ข่าวแนะนำ