บอย อินชัวร์
ภายใต้ IFRS 17 กล่าวได้ว่า Combined Ratio (อัตราส่วนรวม) ยังคงเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักของการรับประกันภัย แต่การคำนวณจะมีความแตกต่างจากเดิม เนื่องจากต้องรวมผลกระทบจากการวัดมูลค่าตามมาตรฐานฉบับใหม่ เช่น หนี้สินสำหรับความคุ้มครองที่เหลืออยู่ (Contractual Service Margin - CSM), การรวมผลกระทบของความเสี่ยง และการคำนวณมูลค่าของเงินตามระยะเวลา ซึ่งทำให้การแปลผลต้องพิจารณาองค์ประกอบใหม่เหล่านี้ร่วมด้วย ซึ่งเรียกว่า เข้มข้นทีเดียว
ล่าสุดหลาย บริษัทประกันชีวิต และ บริษัทประกันวินาศภัย ได้ทยอยประกาศผลการดำเนินงานกำไรขาดทุนของแต่ละบริษัทออกมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็ผลงานออกมาดีและเป็นไปตามเป้า
ที่น่าจับตาและเป็นที่น่าสนใจในภาพรวมของธุรกิจประกันภัยเห็นจะเป็น บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE ซึ่งถือว่ามีบทบาทสำคัญ เป็นบริษัทในประเทศไทยที่ให้บริการรับประกันภัยต่อแก่บริษัทประกันวินาศภัยต่าง ๆ ในไทย โดยมีธุรกิจหลักคือการรับถ่ายโอนความเสี่ยงภัยจากลูกค้า และให้บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารความเสี่ยง เทคนิค และสนับสนุนด้านการตลาด
ซึ่งผลงาน THRE ปรากฏว่า ไปได้สวยทีเดียว โดยได้โชว์ผลงาน ไตรมาส 3 ของปีนี้ ออกมาแล้วพบว่า มี กำไรสุทธิ 53 ล้านบาท พลิกบวก 2 ไตรมาสต่อเนื่อง โดยกวาดเบี้ยประกันภัยต่อแตะ 1,157 ล้านบาท พร้อมกด Combined Ratio ภายใต้มาตรฐาน TFRS 17 ไว้ได้ตามเป้า 89%
จึงหนุน 9 เดือน กำไรสุทธิโตแตะ 100 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยต่อรับทะลุ 4,000 ล้านบาท สวนกระแสอุตสาหกรรมประกันภัยชะลอ พร้อมส่งสัญญาณแนวโน้ม ไตรมาส 4 ศักยภาพทำกำไรปรับดีขึ้นต่อเนื่อง หนุนภาพรวมปี 2568 โตตามเป้า พร้อมจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นตามแผน
นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE ผู้ให้บริการด้านการรับประกันภัยต่อ (Professional Reinsurer) ครอบคลุมทั้งการรับประกันภัยทรัพย์สิน อุบัติเหตุ วิศวกรรม ภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้า ภายในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2568 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 112% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนแตะ 53 ล้านบาท มีกำไรจากการรับประกันภัยต่อเนื่องหลังบริษัทตั้งสำรอง One Time เหตุแผ่นดินไหวเต็มจำนวนในไตรมาส 1/2568 นับจากไตรมาส 2/2568 กวาดเบี้ยประกันภัยต่อรับแตะ 1,157 ล้านบาท โดยผลการรับประกันภัยต่อมีกำไร 73 ล้านบาท กลับสู่ภาวะปกติต่อเนื่องนับจากไตรมาสก่อนหน้า กด อัตราค่าใช้จ่ายรวม (Combined Ratio) ภายใต้มาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ (TFRS 17) ลดลงตามเป้าอยู่ที่ระดับ 89%
ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิแตะ 100 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยต่อเติบโตขึ้นราว 2% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนแตะ 4,059 ล้านบาท แม้ปีนี้จะไม่มีการรับประกันภัยพืชผลตามนโยบายรัฐบาล โดยเป็นการขยายตัวทั้งในส่วนของ Personal Line และ Commercial Line อันเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับภาวะตลาดโดยรวม สวนกระแสภาพรวมอุตสาหกรรมประกันภัยที่ยังคงชะลอตัว ขณะที่ผลการรับประกันภัยต่อปรับลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนมาอยู่ที่ 123 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทต้องตั้งสำรองผลกระทบเหตุแผ่นดินไหวเต็มจำนวนเป็นวงเงิน 90 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวม Combined Ratio อยู่ที่ระดับ 94%
นายโอฬาร ชี้แจงเพิ่มเติม สำหรับแนวโน้มช่วงโค้งสุดท้าย ไตรมาส 4/2568 ยังมั่นใจสามารถขับเคลื่อนศักยภาพการทำกำไรให้ปรับดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง หนุนภาพรวมผลงานทั้งปี 2568 เติบโตได้ตามเป้า ภายใต้การบริหารต้นทุนค่าใช้จ่าย และควบคุมความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด รักษา อัตรา Combined Ratio เฉลี่ยต่ำกว่า 90% (TFRS 17) เพื่อให้สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลกับผู้ถือหุ้นได้อีกครั้ง ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ








