เห็ดหูหนู นับเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยในกลุ่มเห็ดบริโภคที่มีมูลค่าทางการตลาดสูง ไม่เพียงเพราะรสสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์และความหลากหลายในการนำไปประกอบอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าในตำรับยาจีนโบราณ จึงได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ การทำความเข้าใจลักษณะของเห็ดหูหนูแต่ละประเภท รวมถึงแนวโน้มราคาที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและปัจจัยทางเศรษฐกิจ จึงเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้บริโภค เกษตรกร และผู้ประกอบการในห่วงโซ่อาหาร
เห็ดหูหนูที่พบในตลาดสามารถแบ่งออกเป็นสองชนิดหลัก ได้แก่ เห็ดหูหนูดำ (Auricularia auricula-judae) และเห็ดหูหนูขาว (Tremella fuciformis) โดยแต่ละชนิดมีคุณลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน เห็ดหูหนูดำ มีสีเข้ม เนื้อกรุบกรอบคล้ายวุ้น นิยมใช้ในการผัด ยำ หรือทำแกงจืด เพราะให้รสสัมผัสที่เข้ากับอาหารคาวได้ดี ส่วน เห็ดหูหนูขาว มีลักษณะคล้ายปะการัง สีขาวขุ่น เนื้อนุ่มลื่นลิ้น มักถูกนำมาใช้ในเมนูของหวานหรือน้ำซุปสมุนไพรจีนที่เน้นการบำรุงร่างกาย ด้วยคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นและช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เห็ดทั้งสองชนิดจึงมีตลาดเฉพาะของตนและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 ราคาของเห็ดหูหนูในตลาดมีความผันผวนตามกลไกอุปสงค์และอุปทาน โดยยังคงอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ ราคาค้าส่งในตลาดหลักอย่าง ตลาดสี่มุมเมือง สำหรับเห็ดหูหนูสดคุณภาพดีอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 50 บาท ซึ่งเป็นราคามาตรฐานอ้างอิงสำหรับผู้ค้ารายใหญ่และโรงงานแปรรูป อย่างไรก็ตาม ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเข้าสู่ตลาดค้าปลีก เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีต้นทุนด้านการขนส่งและบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น
ราคาจำหน่ายปลีกทั่วไปอยู่ในช่วง 100-150 บาทต่อกิโลกรัม โดยมักจำหน่ายในบรรจุภัณฑ์ขนาด 100-500 กรัม เพื่อให้เหมาะกับผู้บริโภคครัวเรือน ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคานอกจากช่องทางจำหน่ายแล้ว ยังรวมถึงต้นทุนการผลิต เช่น ค่าแรงงาน ค่าวัสดุเพาะเห็ด และสภาพอากาศที่มีผลต่อผลผลิต หากช่วงใดผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ราคามักทรงตัวหรือปรับลดลงตามกลไกตลาด
สำหรับ เห็ดหูหนูอบแห้ง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงจากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากเก็บรักษาได้นานและสะดวกต่อการขนส่ง ราคามีความหลากหลายขึ้นอยู่กับคุณภาพและแหล่งผลิต โดยราคามักสูงกว่าเห็ดสดหลายเท่า ผู้บริโภคจึงควรตรวจสอบแหล่งที่มาและเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพและคุ้มค่าที่สุด
จึงเห็นได้ว่า เห็ดหูหนู ยังคงเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง การติดตามสถานการณ์ราคาและแนวโน้มความต้องการของตลาดอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้ทั้งผู้ผลิตและผู้ประกอบการสามารถวางแผนการผลิตและการจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับอาหารสุขภาพและแหล่งผลิตที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนเห็ดหูหนูให้กลายเป็นสินค้าทางเลือกที่มีมูลค่าเพิ่มในตลาดอาหารอนาคต







