บทความ บทวิเคราะห์

8 ชุดไทยพระราชนิยม สู่มรดกโลก พระอัจฉริยภาพ “สมเด็จพระพันปีหลวง” สืบสานความงามไทยสู่เวทีนานาชาติ

แชร์ข่าว

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นพระราชินีผู้ทรงคุณูปการต่อชาติไทยอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องศิลปวัฒนธรรมและการอนุรักษ์เครื่องแต่งกายไทยให้คงเอกลักษณ์อันงดงาม พระองค์ทรงมีพระราชดำริริเริ่มพัฒนาเครื่องแต่งกายไทยแบบโบราณให้เข้ากับยุคสมัย นำไปสู่การออกแบบ "ชุดไทยพระราชนิยม" อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และแฟชั่น จนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ

จากรูปแบบการนุ่งห่มดั้งเดิมที่มีความซับซ้อน พระองค์ทรงมีพระราชดำริปรับให้เป็นชุดไทยแบบสำเร็จรูป ที่สามารถสวมใส่ง่ายขึ้น โดยยังคงความอ่อนช้อยและงดงามตามธรรมเนียมไทย เช่น การใช้ซิปหรือกระดุมซ่อนแทนการพันผ้า ด้วยพระอัจฉริยภาพในการผสมผสานความงามดั้งเดิมกับการใช้งานจริง ชุดไทยพระราชนิยมจึงกลายเป็นมาตรฐานการแต่งกายไทยในวาระสำคัญมาจนถึงปัจจุบัน

ภายใต้พระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระเสาวนีย์ให้ หม่อมหลวงมณีรัตน์ บุนนาค พระญาติสนิท พร้อมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และแฟชั่น ได้แก่ ศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธน และอาจารย์สมศรี สุกุมลนันทน์ ร่วมกันค้นคว้าเรื่องการแต่งกายไทยในสมัยต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการออกแบบฉลองพระองค์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ไทยได้อย่างถูกต้องและสวยงาม

เมื่อทรงพิจารณารูปแบบจนเป็นที่พอพระราชหฤทัยแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตัดเย็บฉลองพระองค์ต้นแบบ เพื่อใช้เป็นต้นแบบของ “ชุดไทยพระราชนิยม” ทั้ง 8 แบบ อันประกอบด้วย

เริ่มจาก ชุดไทยเรือนต้น ที่มาของชื่อ คือ เรือนต้น ใน พระที่นั่งอัมพรสถาน เป็นพระตำหนักที่มีบรรยากาศสงบ เรียบง่าย และอบอุ่นในเขตพระราชวังดุสิต ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะของชุดที่เน้นความสบายและลำลอง ไม่เป็นพิธีการ ใช้ในการเดินทางหรือร่วมงานบุญในชุมชน เช่น งานกฐินต้น ลักษณะการแต่งกายเน้นสบายและคล่องตัว โดยสวมซิ่นป้ายยาวจรดข้อเท้า คู่กับเสื้อคอกลมตื้น แขนสามส่วน ผ่าอกติดดุม 5 เม็ด มักใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมที่เรียบง่ายแต่ดูสง่างาม

ในโอกาสพิธีการกลางวัน นิยมสวม ชุดไทยจิตรลดา ที่มาของชื่อ คือพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เป็นพระตำหนักที่ประทับส่วนพระองค์ในพระราชวังดุสิต ซึ่งชื่อนี้สื่อถึงความสุภาพ เรียบร้อย และเป็นทางการที่ให้ภาพลักษณ์สุภาพและเรียบร้อย เหมาะสำหรับงานราชการหรือพิธีสำคัญ ตัวเสื้อคอกลมมีขอบตั้งเล็กน้อย แขนยาว ตัดเย็บด้วยผ้าไหมหรือผ้าทอสีเดียวกับซิ่นที่เข้าชุดกัน

ส่วนด้านการออกงานเลี้ยงพระราชทานหรือพิธีค่ำแบบกึ่งเป็นทางการ นิยมใช้ ชุดไทยอมรินทร์ ที่มาของชื่อ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยเป็นพระที่นั่งที่ใช้ในการประกอบพระราชพิธีสำคัญ และเป็นสถานที่ออกว่าราชการแผ่นดินในพระบรมมหาราชวัง ชื่อจึงสื่อถึงชุดที่ใช้ในงานพิธีการกลางคืนซึ่งมีลักษณะคล้ายชุดไทยจิตรลดา แต่หรูหราขึ้นด้วยผ้ายกดอกหรือยกทอง อาจเพิ่มผ้าแพรคลุมไหล่เพื่อเสริมความสง่างาม

สำหรับงานเต็มยศในตอนค่ำอย่างงานเลี้ยงหรือพิธีการเข้มข้น ใช้ ชุดไทยบรมพิมาน ที่มาของชื่อ พระที่นั่งบรมพิมาน เป็นพระที่นั่งในพระบรมมหาราชวัง ใช้เป็นที่ประทับรับรองพระราชอาคันตุกะ และพระบรมวงศานุวงศ์ที่เสด็จฯ มาจากต่างประเทศ ชื่อจึงสื่อถึงความเต็มยศและสง่างาม ซึ่งตัวเสื้อเย็บติดกับซิ่นเป็นชิ้นเดียว แขนยาว คอกลมมีขอบตั้ง ผ้านุ่งเป็นงานผ้ายกทองจีบหน้านางพร้อมชายพกและคาดเข็มขัด

ในขณะที่ ชุดไทยจักรี ที่มาของชื่อ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเป็นพระที่นั่งสำคัญที่สุดองค์หนึ่งในพระบรมมหาราชวัง มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมตะวันตก (ฝรั่งสวมชฎา) ชื่อนี้จึงเหมาะกับชุดที่มีความงามสง่าหรูหราสำหรับงานราตรีเต็มยศ ซึ่งมีลักษณะนุ่งผ้ายกทองและห่มสไบเฉียงเปิดไหล่หนึ่งข้างถูกใช้ในงานราชพิธีตอนค่ำที่ต้องการความหรูหราและเป็นทางการสูงสุด

ถัดมา ชุดไทยดุสิต ที่มาของชื่อ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในพระบรมมหาราชวัง ใช้ในการประกอบพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และการประดิษฐานพระบรมศพ จึงสื่อถึงความเต็มยศสูงสุด เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เรียบหรู ดูสง่างาม ตัวเสื้อคอกลมกว้างแบบไร้แขนหรือแขนสั้นกุด สวมทับซิ่นยกทองจีบหน้าพร้อมชายพก นิยมใช้ในงานตอนค่ำเช่นเดียวกัน

 ส่วน ชุดไทยศิวาลัย ที่มาของชื่อ สวนศิวาลัย เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหลังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และเคยมีพระที่นั่งศิวาลัยพิมานตั้งอยู่ ชื่อจึงสื่อถึงชุดที่ใช้ในโอกาสพิเศษที่ต้องการความเต็มยศและสง่างามเป็นพิเศษ ถูกกำหนดไว้สำหรับงานพิธีการเต็มยศสำคัญ โดยเฉพาะในสภาพอากาศเย็น ลักษณะคล้ายชุดไทยบรมพิมาน แต่ห่มผ้าปักลายไทยหรือสะพักทับอีกชั้น

และสุดท้าย ชุดไทยจักรพรรดิ ที่มาของชื่อ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นพระที่นั่งในหมู่พระมหามณเฑียรในพระบรมมหาราชวัง และเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในอดีต ชื่อจึงสื่อถึงชุดที่มีความหรูหรา ประดับประดาเต็มที่ สมฐานะจักรพรรดิ ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายเต็มยศที่ใช้ในงานพิธีการใหญ่ของราชสำนัก มีการห่มสไบสองชั้น โดยชั้นในเป็นสไบจีบและอีกชั้นเป็นสะพักปักลายไทย ผ้านุ่งยกทองจีบหน้านางพร้อมชายพก คาดเข็มขัด เครื่องแต่งกายนี้ล้วนประณีต บ่งบอกถึงความสง่างามและฐานันดรศักดิ์อย่างแท้จริง

ทั้ง 8 ชุดไทยพระราชนิยมนี้ จึงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสรรค์ขึ้น โดยไม่ได้เป็นเพียงแฟชั่นหรือเครื่องแต่งกาย แต่คือการอนุรักษ์ความเป็นไทย สะท้อนความวิจิตรของภูมิปัญญาและรสนิยมอันสูงส่งของพระองค์ อันเป็นแบบอย่างที่ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน ชุดไทยพระราชนิยม 8 แบบ อยู่ระหว่างการเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติโดย UNESCO คาดว่าจะพิจารณาในปี 2569 ขณะเดียวกัน ประเทศไทยได้ขึ้นบัญชีเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับชาติแล้วตั้งแต่ปี 2566

#ชุดไทยพระราชนิยม #สมเด็จพระพันปีหลวง #UNESCO #ศิลปวัฒนธรรมไทย #ความงามไทย #มรดกโลก