เป็นอีกค่ำคืนที่แสน "โหดร้าย" อีกครั้งสำหรับบรรดาแฟนบอล "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล! เมื่อพวกเขาต้องบุกไปเยือนถิ่นเอติฮัด สเตเดียม แล้วโดน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยัดเยียดความปราชัย ให้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ด้วยสกอร์ 3-0 ชนิดที่ทำเอาความหวังในการลุ้นแชมป์สะดุดกึก!
งานนี้ทำเอาเจ้าถิ่นไล่ตามจ่าฝูงอย่าง "อาร์เซน่อล" เหลือเพียง 4 คะแนนเท่านั้น! บอกเลยว่าแมตช์นี้ เดือดจัด และเต็มไปด้วย ลีลาลูกหนังที่น่าทึ่ง ชวนให้แฟนบอลต้องลุกขึ้นปรบมือ!
เปิดประเด็นหลังเกมวันนี้ จะมาเขียนถึงผลงานอันยอดเยี่ยม ของทัพ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" นำโดย "เฌเรมี โดกู" และวิธีการแก้เกมที่สมบูรณ์แบบ สำหรับสุดยอดกุนซืออย่าง "เป๊ป กวาร์ดิโอลา" ที่เพิ่งฉลองการคุมทีมครบ 1,000 นัดอย่างยิ่งใหญ่ และตอกย้ำความเหนือชั้นในเวทีพรีเมียร์ลีก!
เก้าปีในวงการฟุตบอลอังกฤษของ กวาร์ดิโอลา หรือแม้แต่ตลอดเส้นทางการเป็นผู้จัดการทีมของเขา ถูกถ่ายทอดผ่านลีลาและกลยุทธ์ชั้นยอด ในการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ ถล่ม ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล ที่สนามเอติฮัด สเตเดียมได้อย่างชัดเจน
นี่คือการแสดงผลงานที่ขับเคลื่อนด้วยความ "เหนือชั้น" ของผู้เล่นแต่ละคน และเป็นหลักฐานที่ชัดเจนสำหรับใครก็ตามที่ยังคงสงสัยว่า กวาร์ดิโอลา ยังไม่จบอยู่แค่ 37 ถ้วยรางวัล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเป็น "ผู้ท้าชิงแชมป์ตัวจริง" อยู่เสมอ!
จังหวะที่ "โดกู" หลอกล่อตัดบอลเข้าใน และยิงโค้งจากระยะ 25 หลาเข้ามุมบนตาข่ายนั้น เป็นเพียงส่วนเสริมหลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มอันน่าทึ่ง ภายใต้แสงไฟสาดส่องตลอดทั้งเกม!
"โดกู" ได้สร้างสถิติสุดปัง กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ เลี้ยงบอลได้มากกว่า 10 ครั้ง ชนะการดวลมากกว่า 10 ครั้ง สร้างโอกาสมากกว่าสามครั้ง และยิงเข้ากรอบมากกว่าหนึ่งครั้ง รวมถึงทำประตูได้ในเกมพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ เอเดน อาซาร์ เคยทำไว้กับเชลซีในเกมพบกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อเดือนเมษายน 2019
ปีกชาวเบลเยียมรายนี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำในเย็นวันอาทิตย์ ลีลาการเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายของเขาสร้าง ช่องว่าง ระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้และทีมแชมป์อย่างลิเวอร์พูลได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!
จังหวะการเล่นของ "โดกู" สะท้อนฟอร์มการเล่นของเขาออกมาได้อย่างชัดเจน นับตั้งแต่ฤดูกาล 2023/24 ในพรีเมียร์ลีก โดกู เลี้ยงบอลผ่านได้ 55 ครั้ง ในเกมกับลิเวอร์พูล ซึ่งมากกว่าผู้เล่นคนอื่นที่เลี้ยงบอลใส่คู่แข่งถึง 16 ครั้ง เลยทีเดียว!
เขาเอาชนะ "คอเนอร์ แบรดลีย์" ได้หลายครั้งตลอดครึ่งแรก และสร้างโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า รวมถึงได้จุดโทษในครึ่งแรก ซึ่ง "เออร์ลิง ฮาลันด์" พลาดไปอย่างน่าเสียดาย และแน่นอน ประตูที่สามอัน ยอดเยี่ยม เป็นผลงานของเขาเอง!
“โดกู เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก” กวาร์ดิโอลา กล่าวชื่นชมลูกทีมคนเก่งที่ต่อสู้กับแบ็คขวาของหงส์แดงได้อย่างถึงพริกถึงขิง
ความสง่างามของโดกูในแดนซ้ายของซิตี้ บ่งบอกถึงยุคของกวาร์ดิโอลาได้สองประการ : อย่างแรก ปีกจอมพลังคือผู้กำหนดนิยามทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ของเขามาโดยตลอด ตั้งแต่ เลรอย ซาเน่, ราฮีม สเตอร์ลิง ไปจนถึง ริยาด มาห์เรซ
ประการที่สอง บทบาทของเขาในเกมนี้ คือ ชัยชนะเชิงยุทธวิธี โดยโจมตีไปที่หัวใจของปัญหาที่คุ้นเคยของลิเวอร์พูลทางด้านขวา ซึ่ง "มาร์ก คูคูเรลลา" ของเชลซีเคยกล่าวอย่างน่าจดจำว่าทีมของ อาร์เน่ สล็อต นั้น เปราะบาง
เหตุผลที่ "โดกู" ประสบความสำเร็จบ่อยครั้งนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีพื้นที่ว่างด้านหลัง "โมฮาเหม็ด ซาลาห์" อยู่เสมอ แต่ก็เป็นเพราะการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของกุนซือซิตี้ในการรุกตรงกลางสนามด้วยเช่นกัน
"แบร์นาร์โด้ ซิลวา" เคียงข้าง "นิโก้ กอนซาเลซ" ในแดนกลาง ขณะที่ "ฟิล โฟเด้น" (ถอยลงจากตำแหน่งหมายเลข 10) และ "รายาน เชอร์กี" (ขยับลงมาจากปีกขวา) ช่วยอัดผู้เล่นสี่คนให้แน่นในพื้นที่เดียวกันของสนาม หลายครั้งในครึ่งแรก เมื่อเกมนี้ชนะอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาเล่นอยู่หน้า "ไรอัน กราเวนเบิร์ช" และ "อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์"
ด้วยการยืนต่ำและแคบเช่นนี้ แมนฯ ซิตี้ จึงสามารถจ่ายบอลกันได้อย่างอิสระ ดึงแดนกลางของลิเวอร์พูลที่ลังเลให้แคบลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมีพื้นที่ว่างให้จ่ายบอลสั้นๆ ให้กับโดกูที่ว่างอยู่ นั่นคือ เคล็ดลับ ในการนำโดกูไปอยู่ในพื้นที่ แต่ก็ช่วยให้หลีกเลี่ยงการปะทะกันในแดนกลางที่ดุเดือดได้เช่นกัน
จังหวะเกมแบบนี้ ช่วยเปิดพื้นที่ทางด้านขวาด้วย ซึ่ง "มาเธอุส นูเนส" มีพื้นที่เปิดกว้างมาก สำหรับประตูขึ้นนำของ "ฮาลันด์" และจังหวะที่แมนซิตี้ เปิดเกมรุกโหมเข้าใส่ นำไปสู่การเตะมุมหลายครั้ง ซึ่งซิตี้ก็ยิงประตูที่สองได้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ทั้งสองนี้ส่วนใหญ่เกิดจาก "ฟลอเรียน เวิร์ตซ์" ที่พยายามป้องกันในตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคยทางปีกซ้าย
เกมของ ลิเวอร์พูล เริ่มดีขึ้น เมื่อ เวิร์ตซ์ ถูกย้ายมาเล่นตรงกลางในครึ่งหลัง แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไป เมื่อลูกยิงอันยอดเยี่ยมของ โดกู ปิดเกมได้เพียงไม่กี่นาทีหลังจากการปรับกลยุทธ์ นี่เป็นชัยชนะครั้งแรก ของซิตี้เหนือลิเวอร์พูลจากความพยายาม 5 ครั้ง และเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำได้โดย ไม่เสียประตูเลย จากการพบกัน 14 ครั้งในทุกรายการ!
แน่นอนว่าซิตี้กลับมาแล้ว และทำได้ดีในการลุ้นแชมป์ครั้งนี้! ทีมของกวาร์ดิโอลาเข้าสู่ช่วงพักเบรกทีมชาติครั้งสุดท้ายของปีปฏิทินนี้ด้วยอันดับสอง ตามหลังอาร์เซน่อลเพียง 4 คะแนน หลังจากที่จ่าฝูงทำแต้มหล่นในเกมที่ซันเดอร์แลนด์เมื่อวันเสาร์
และนั่นก็เป็นลางร้ายสำหรับ "อาร์เซน่อล" แม้ว่าทีมของ "มิเกล อาร์เตต้า" อาจจะกังวลกับลิเวอร์พูลน้อยลง หลังจากเกมวันอาทิตย์ก็ตาม แต่ก็จะประมาท "แมนซิ้" ไม่ได้เลย
"ลิเวอร์พูล" แพ้ไปแล้วถึง 5 นัด จาก 11 นัดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นสถิติที่ทีมแชมป์เก่าแพ้มากที่สุดในช่วงเวลานี้ของฤดูกาล นับตั้งแต่ที่ "เลสเตอร์ ซิตี้" แพ้ 5 นัดในฤดูกาล 2016/17 ทำให้ลิเวอร์พูลต้องเจอกับ อุปสรรคทางจิตใจ มากมาย
#แมนซิตี้พบลิเวอร์พูล #แมนซิตี้ #ลิเวอร์พูล #พรีเมียร์ลีก #เรือใบสีฟ้า #หงส์แดง #เป๊ปกวาร์ดิโอลา #เฌเรมีโดกู #วิเคราะห์บอล #ฟุตบอล #ไฮไลท์ฟุตบอล #ManCity #Liverpool #ข่าวกีฬา








