วันที่ 8 ธันวาคม เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยทาง กมธ. ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้เสียหายและผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมมาชี้แจงเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด เนื่องจากเห็นว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้มีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยความแตกต่างของร่างกฎหมายฉบับนี้เมื่อเทียบกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับอื่น ๆ คือ ฉบับอื่นมักจะเจาะจงเฉพาะเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งและจบไปในครั้งเดียว แต่ร่างฉบับนี้จะรวมหลายเหตุการณ์เข้าด้วยกัน ซึ่งความยากลำบากของ กมธ. คือการพิจารณาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเสียประโยชน์
พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวต่อว่า หากร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะช่วยให้สังคมกลับคืนสู่ความสันติสุขและความรู้สึกของผู้คนจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานต้องทำด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้กลายเป็นบรรทัดฐานในอนาคตว่าเมื่อมีการกระทำความผิดแล้วจะมีกฎหมายนิรโทษกรรมตามมาเสมอ ซึ่งอาจส่งผลให้ความสูญเสียของรัฐหรือประชาชนไม่ได้รับการดูแลแก้ไข ทาง กมธ. จึงพยายามพิจารณาให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอย่างดีที่สุด สำหรับขั้นตอนต่อไปในการประชุมครั้งหน้า จะมีการเชิญผู้แปรญัตติเข้ามาชี้แจงความคิดเห็น โดยเมื่อพิจารณาข้อมูลรอบด้านครบถ้วนแล้ว คาดว่าการพิจารณารายมาตราจะใช้เวลาไม่นานและเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร่างกฎหมายนี้มีเพียง 13 มาตรา ส่วนจะมีการแก้ไขเนื้อหาหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการหารือในชั้น กมธ. ต่อไป
นอกจากนี้ เมื่อสอบถามถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอเนื้อหาให้นิรโทษกรรมแก่บุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี พล.อ.สวัสดิ์ ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้มีความจำเป็นและต้องนำมาพูดคุยกันในชั้น กมธ. ว่าแทนที่จะใช้มาตรการลงโทษ จะสามารถใช้วิธีการอื่นทดแทนได้หรือไม่ เนื่องจากผู้กระทำผิดยังเป็นเยาวชนที่อาจทำไปเพราะความผิดพลาดหรือพลั้งเผลอ โดยอาจพิจารณาใช้วิธีการอบรมแทน ซึ่งประเด็นนี้ยังเป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้นที่ต้องนำมาหารือในรายละเอียดกันต่อไป







