“จาตุรนต์” หวั่น “เพื่อไทย” ล้มซักฟอก กระทบโรดแมปแก้รัฐธรรมนูญ จี้ “ยุบสภา” ตามกำหนดเดิม 31 ม.ค.69
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่า ที่กกต.ออกมาระบุว่า หากคณะรัฐมนตรีและ/หรือรัฐสภาส่งเรื่องการทำประชามติมายังกกต.ช้ากว่าวันที่ 15 ธันวาคม อาจทำให้ไม่สามารถจัดให้มีการลงประชามติพร้อมวันเลือกตั้งได้นั้น
ดูเหมือนจะมีความคลาดเคลื่อนในการคำนวณเวลาอยู่พอสมควร เพราะทางรองนายกรัฐมนตรี บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เองก็ได้คำนวณเส้นตายไว้ชัดเจนแล้วว่า กรอบเวลาจริงไปสิ้นสุดที่วันที่ 30 ธันวาคม
อย่างไรก็ตาม คำเตือนของกกต.ก็ทำให้ทุกฝ่ายต้องกลับมาช่วยกันคิดอย่างจริงจังว่า จะเร่งรัดแต่ละขั้นตอนอย่างไร เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดเดินไปให้ทัน และสามารถจัดให้มีการทำประชามติสองคำถามในวันเดียวกับวันเลือกตั้งได้ ตัวเลขวันที่ 15 ธันวาคม ในความเป็นจริงจึงเหลือความหมายสำคัญเพียงประเด็นเดียว คือใช้เป็น “หมุดหมายสำคัญทางการเมือง” สำหรับช่องทางที่คณะรัฐมนตรีจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นเอง ครม.สามารถมีมติได้ตั้งแต่ตอนนี้ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการลงประชามติในคำถามที่ 1 ว่า ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หากครม.กดปุ่มเรื่องนี้เร็วเท่าใด เวลาที่กกต.จะใช้เตรียมการจัดประชามติก็จะมากขึ้นเท่านั้น และโอกาสที่จะทำให้ประชามติคำถามที่ 1 จัดพร้อมกับวันเลือกตั้งก็จะยิ่งเป็นไปได้มากขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังมีอีกหนึ่งช่องทางที่จะนำไปสู่การลงประชามติในคำถามที่ 1 ได้ นั่นคือให้รัฐสภามีมติร้องขอให้จัดให้มีการทำประชามติ ตามแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ ช่องทางนี้จำเป็นต้องรอให้การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปจนถึงวาระสามเสียก่อน เมื่อรัฐสภาลงมติวาระสาม เห็นชอบกับร่างแก้ไขและมีมติเห็นชอบให้ร้องขอทำประชามติคำถามที่ 1 ด้วย ประธานรัฐสภาก็จะส่งเรื่องไปยังครม.เป็นสองเรื่องพร้อมกัน คือ ขอให้ทำประชามติในคำถามที่ 1 และขอให้จัดทำประชามติในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ผ่านวาระสาม ซึ่งจะเป็น “คำถามที่ 2” ทั้งกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นหลังจากวาระสองเสร็จสิ้นแล้ว 15 วัน หรือราววันที่ 26 ธันวาคม
โดยสรุปแล้ว สิ่งที่ต้องเดินหน้า ได้แก่ (1) ครม.ควรเร่งมีมติให้มีการจัดทำประชามติคำถามที่ 1 โดยเร็วที่สุด (2) เมื่อรัฐสภาเห็นชอบในวาระที่สาม ประธานรัฐสภาจะต้องส่งเรื่องให้ครม.หรือกกต.จัดให้มีการทำประชามติตามมาตรา 256
ซึ่งจะเป็นคำถามที่ 2 และ (3) รัฐสภาอาจใช้ช่องทางมติเสียงข้างมากร้องขอให้ครม.จัดทำประชามติในคำถามที่ 1 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีผลผูกพันรัฐสภาอย่างชัดเจน
ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อการยุบสภาเป็นไปตามกำหนดเดิม คือในวันที่ 31 มกราคม 2569 ไม่ถูกเร่งให้สั้นลงจนทำให้กระบวนการประชามติทั้งสองคำถามไม่เกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง








